สภาพัฒน์ฯ เผย GDP ไทยQ2 โต 2.3% มั่นใจทั้งปีขยายตัว 2.5%

เศรษฐกิจ
19 ส.ค. 67
12:24
1,743
Logo Thai PBS
สภาพัฒน์ฯ เผย GDP ไทยQ2 โต 2.3%  มั่นใจทั้งปีขยายตัว 2.5%
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สภาพัฒน์ฯ เผยGDPไทยไตรมาส 2/67 ขยายตัว 2.3% ต่อเนื่อง คาดทั้งปีจีดีพีขยายตัวได้ 2.5% ห่วงเบิกจ่ายภาครัฐล่าช้า ส่วนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต รอนโยบายจากรัฐบาลใหม่ แต่เชื่อว่าจะมีมาตรการเสริมออกมากระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี

วันนี้ (19 ส.ค.2567) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไตรมาส 2/2567 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.3 % ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา และเมื่อปรับฤดูกาลแล้วเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 0.8%

โดยเศรษฐกิจไทยได้รับอานิสงค์จาการบริโภคเอกชนที่ขยายตัว 4 % การบริโภคภาครัฐบาลขยายตัวได้ 0.3 % การส่งออกที่ขยายตัวได้ในไตรมาสนี้ขยายตัวได้ 1.9 % และบริการ 19.8 % แต่การลงทุนรวมยังหดตัวอยู่ 6.2 % ทั้งนี้สภาพัฒน์ฯ คาดว่า จีดีพีไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 2.3-2.8 % ค่ากลาง 2.5 %

ขณะที่จีดีพีภาคเกษตรของไทยในไตรมาสที่ผ่านมาลดลง 1.1 % เป็นผลมาจากการผลิตสินค้าเกษตรที่ลดลงหลายชนิด ขณะที่จีดีพีนอกภาคเกษตรขยายตัวได้ 2.6 % จากกลุ่มอุตสาหกรรมที่ขยายตัว 1.8 % และกลุ่มบริการที่ขยายตัวได้ 1.8 %

อย่างไรก็ตามการเบิกจ่ายการลงทุนภาครัฐยังเป็นไปไม่ตามเป้าหมาย แต่จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเบิกจ่ายได้มากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา และปีงบประมาณ 68 จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามเวลาที่วางไว้ ซึ่งต้องทำให้มีการเบิกจ่ายได้มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

นายดนุชา กล่าวอีกว่า สภาพัฒน์ฯ ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เหลือของปีนี้เช่น ปัญหาหนี้สินซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาคการเงิน และภาคเงินต้องจับตาสถานการณ์การที่หนี้สินครัวเรือน และหนี้ของภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่สูงขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ต้องมีมาตรการที่มุ่งเป้ามากขึ้น

การปรับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยของประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงอัตราว่างงานที่สูง ต้นทุนการขนส่งที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น และการเลือกตั้งสหรัฐฯที่จะมีมาตรการในการกีดกันการค้ามากขึ้น

นอกจากนี้การเข้ามาของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานที่นำเข้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการเฝ้าระวังสินค้าที่คุณภาพต่ำ มีการตรวจสอบคุณภาพมากขึ้น รวมทั้งต้องมีการออกมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรมที่ให้สินค้านั้นมีคุณภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเร่งรัดตรวจสอบสินค้านำเข้าผิดกฎหมาย และเลี่ยงภาษีมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือภาคผู้ผลิตเอสเอ็มอี

อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ฯ มองว่า เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความท้าทายสำคัญในเรื่องของเศรษฐกิจ เนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชนยังต่ำ และไม่ได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ และการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศมีขนาดที่ลดลง ซึ่งต้องสร้างแรงจูงใจในการลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคส่วนของแรงงาน ที่จะต้องตอบโจทย์อุตสาหกรรมใหม่ๆและอุตสาหกรรมเป้าหมายมากขึ้น

ส่วนการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลจะเดินหน้าต่อหรือไม่นั้น เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ กล่าวว่า อยู่ที่นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่หรือจะมีมาตรการอื่นเข้ามาเสริมแทน ซึ่งเชื่อว่าทั้งนายกรัฐมนตรี และครม. ร่วมถึงพรรคร่วมคงจะต้องมีการหารือกันและจะมีการมาตรเสริมออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้

อยู่ที่ตัวรัฐบาล ถ้ารัฐบาลเห็นว่าเงินดิจิทัลไม่ทำก็ต้องดูว่าจะมีมาตรการอื่นมาเสริมหรือไม่ ในการพยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อยซึ่งต้องรอดูว่าครม. จะมีความเห็นอย่างไร แต่คิดว่าต้องมีมาตรการออกมาช่วยประชาชนในช่วงนี้ เพราะวงเงินที่ใช้ที่เป็นงบเพิ่มปี67 ผ่านขั้นตอนเห็นชอบแล้ว

อ่านข่าว:

บิ๊กเอกชน ชี้ กระทบเชื่อมั่นระยะสั้น ห่วงเบิกจ่ายภาครัฐ

กำลังซื้อซบ! หวังนายกรัฐมนตรีคนใหม่แก้ปากท้อง-ดิจิทัลวอลเล็ต

 เอกชนมั่นใจ "แพทองธาร"นายกฯ รุ่นใหม่ ขับเคลื่อนประเทศได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง