วันนี้ (19 ส.ค.2567) น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า กรณี "กัน จอมพลัง" และนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี (มทร.สุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี) เรียกร้องให้ตรวจสอบเหตุความรุนแรงในวันที่ 13 ส.ค. ก่อนเกิดเหตุวันที่ 15 ส.ค. โดยมีการลากนักศึกษาไปชกต่อยในสถานศึกษา ซึ่ง อว.กำชับทางมหาวิทยาลัยให้ตรวจสอบเพิ่มเติมภายใน 2 วัน
ส่วนกรณีการรับน้องในวันที่ 15 ส.ค. มีนักศึกษา 8 คนที่เข้าไปรุมทำร้าย โดย 4 คน ได้ลงโทษไล่ออกทันที ส่วนอีก 4 คน อยู่ระหว่างดำเนินการขยายผลไปสู่ข้อมูลการรับน้อง เบื้องต้นมหาวิทยาลัยและผู้เสียหาย ระบุว่า มีผู้เข้าร่วม 40-50 คน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีคนนอกหรือไม่ โดยจะแจ้งการลงโทษต่อไป
นอกจากนี้ ได้รับเรื่องจากนายกัน จอมพลัง ว่า มีระบบบ่มเพาะความเชื่อไม่ดี โดยให้มหาวิทยาลัยฯ ตรวจสอบ และจะมีการแจ้งกลับมาที่ อว.ไม่เกินสิ้นเดือน ส.ค.นี้ ส่วนนักศึกษาผู้เสียหาย ได้แจ้งขอย้ายมหาวิทยาลัย ซึ่ง อว.รับประสานหาที่เรียนใหม่ให้ นอกจากนี้ ให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในวันที่ 13 ส.ค.ด้วยว่ามีนักศึกษาและคนนอกเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่
ผศ.พัชระ กัญจนกาญจน์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มทร.สุวรรณภูมิ กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเข้าไปเยี่ยมและมอบเงินค่ารักษาพยาบาลนักศึกษาคนดังกล่าว รวมทั้งสอบสวนเรื่องนี้ ซึ่งการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีนักศึกษา 8 คนอยู่ในเหตุการณ์ ในจำนวนนี้ไล่ออกแล้ว 4 คน เป็นผู้ลงมือทำร้ายนักศึกษาและต่อยผู้ปกครองจริง โดยเป็นนักศึกษาสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องงกล 2 คน นักศึกษาสาขาวิศวกรรมเครื่องมือและแม่พิมพ์ 1 คน และนักศึกษาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม 1 คน
ส่วนอีก 4 คนจะสอบสวนว่ามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมนอกสถานที่โดยไม่แจ้งหรือไม่ หากมีส่วนเกี่ยวข้องจะมีลงโทษขั้นรุนแรงถึงขั้นไล่ออก ล่าสุดยังไม่พบว่ามีคนนอกมหาวิทยาลัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ยืนยันว่า มหาวิทยาลัยไม่ได้สนับสนุนระบบความรุนแรงดังกล่าว
ด้านนายสัญญา คำจริง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา มทร.สุวรรณภูมิ กล่าวถึง 4 มาตรการของมหาวิทยาลัย คือ ให้คัดกรองบุคคลเข้า-ออกพื้นที่มหาวิทยาลัย โดยต้องมีบัตรประจำตัวนักศึกษา หรือบัตรประจำตัวประชาชน, กรณีต้องทำกิจกรรมเกินเวลา 18.00 น. ต้องทำเรื่องขออนุญาตมหาวิทยาลัย หรือคณะ, กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือพฤติการณ์สุ่มเสี่ยงต่อนักศึกษา หรือมหาวิทยาลัย ให้รายงานด่วนที่สุดเพื่อป้องกันเหตุไม่พึงประสงค์ และหากพบว่าบุคลากรคนใดรับทราบ รู้เห็นเป็นใจ ส่งเสริม หรือมีส่วนร่วมให้เกิดกิจกรรมอันไม่พึงประสงค์ จะสอบสวนหาข้อเท็จจริง และลงโทษวินัยร้ายแรง
ส่วนการทำกิจกรรมรับน้องภายนอกซึ่งไม่เหมาะสมและใช้ความรุนแรงมาหลายรุ่นนั้น ทางมหาวิทยาลัย ยืนยันว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้มหาวิทยาลัยไม่เคยรับทราบมาก่อน ส่วนเคสก่อนหน้านี้ 30 ปีที่แล้วมีระบบโซตัส ซึ่งพยายามทำทุกวิถีทางให้ลดลง โดยร่วมมือกับตำรวจให้นักศึกษาและบุคคลภายนอกแจ้งเมื่อพบเหตุการกระทำรุนแรง แต่ยอมรับว่าปัจจุบันมีนักศึกษาส่วนน้อยที่ยังมีแนวคิดแบบเดิมอยู่
บางครั้งการจัดกิจกรรมนอกพื้นที่ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองหรือชาวบ้านก็ยากที่จะรับรู้ข่าว ส่วนหากพบบุคคลภายนอก หรือรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ยืนยันว่า จะดำเนินคดี แต่เบื้องต้นการตรวจสอบในวันที่ 15 ส.ค. ไม่พบบุคคลภายนอกเกี่ยวข้อง
กิจกรรมแฝง ไม่ได้ตั้งใจไปเล่นฟุตบอลจริง ๆ แต่เป็นบ่มเพาะเรื่องไม่ถูกต้อง ส่อให้เกิดรับระบบ จะมีลงโทษด้วยการตักเตือน พักการศึกษา และไล่ออก
สำหรับเหตุดังกล่าวมาจากการที่นายเอ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ซึ่งได้เข้ามาศึกษาที่ มทร.สุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี ในชั้นปีที่ 1 ถูกรุ่นพี่ "รับน้อง" ด้วยการทำร้ายร่างกายหลายรูปแบบและต่อเนื่อง ต่อมานายเอได้แจ้งต่อพ่อและแม่เพื่อขอย้ายวิทยาเขตไปศึกษาที่วิทยาเขตอื่น เนื่องจากต้องการออกจากระบบรับน้องดังกล่าว
ต่อมาพ่อและแม่ของนายเอ ได้เดินทางมายังมหาวิทยาลัยดังกล่าวเพื่อขอย้ายที่เรียน แต่ถูกรุ่นพี่ดักรุมทำร้ายจนนายเอได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู ขณะที่พ่อก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน และต่อมาพ่อของนายเอได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่
อ่านข่าว "ศุภมาส" สั่งตรวจสอบปม "รับน้อง" มทร.สุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี