วันนี้ (19 ส.ค.2567) ภายหลังศาลอาญาสอบคำให้การจำเลย พร้อมตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร จากกรณีให้สัมภาษณ์มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน กับสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 2558
ทักษิณ ชินวัตร
เวลา 11.35 น. นายทักษิณออกมาจากศาล กลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่กล่าวสั้นๆ ว่า " ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร" จากนั้น ขึ้นรถยนต์ออกจากศาลอาญา
อ่านข่าว : "ทักษิณ" ยิ้มแย้มขึ้นศาลตรวจพยานหลักฐานคดี ม.112 ยันไม่กังวล
ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการสอบคำให้การของจำเลย โดยนายทักษิณให้การปฏิเสธพร้อมกับนำเสนอพยานหลักฐาน แบ่ง พยานบุคคลฝ่ายจำเลยจำนวน 14 ปาก และพยานเอกสารอื่น ๆ ซึ่งจะนำเสนอในชั้นพิจารณาคดี ส่วนฝ่ายโจทก์มีพยานทั้งสิ้น 10 ปาก และฝ่ายโจทก์ไม่ได้อ้างพยานเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีพยานผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามคลิปให้สัมภาษณ์ที่ปรากฏ โดยนายวิญญัติยืนยันว่า คลิปที่มีการส่งตรวจตั้งแต่แรก เป็นการรวบรวมข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตลงในแผ่นซีดี ไม่ใช่หลักฐานจากสถานที่จริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบคลิปยืนยันว่าคลิปดังกล่าวไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ถึงความเป็นต้นฉบับ การตัดต่อและการแปลความเป็นภาษาไทยก็ไม่สมบูรณ์ ซึ่งสอดคล้องกับที่ตัวเองได้เคยเปิดเผยข้อมูลไปก่อนหน้านี้ว่าหลักฐานของฝ่ายโจทก์เป็นเพียงเพียงการรวบรวมคลิป สำหรับเรื่องคลิปที่ไม่ได้มาจากต้นฉบับจะนำมาเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยได้อย่างไรนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ และหลังจากนี้จะเป็นการพิสูจน์ความจริงต่อศาล ขึ้นอยู่กับศาลจะรับฟังพยานหลักฐานและมีคำวินิจฉัยอย่างไร
วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ
สำหรับการสืบพยานหลังจากนี้มีทั้งหมด 7 นัด โดยฝ่ายโจทก์นัดในวันที่ 1, 2 และ 3 ก.ค.2568 และนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยจะเริ่มในวันที่ 15, 16, 22 และ 23 ก.ค.2568 หลังจากนั้นจะจัดทำคำพิพากษาของศาล ซึ่งการนัดสืบพยานในปีหน้านั้นเนื่องจากศาลอาญาเป็นศาลใหญ่ มีคดีจำนวนมาก ต้องนัดสืบพยานไปตามลำดับของคดี ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่นั้น ตัวเองไม่มีความเห็น
นอกจากนี้ นายวิญญัติ ยังเปิดเผยว่า ได้รับการยืนยันจากนายทักษิณว่าพร้อมที่จะมาสืบพยานทุกนัด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเองและพิสูจน์ว่าที่ผ่านมาไม่มีเจตนาที่จะก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และพร้อมที่จะได้แสดงความจงรักภักดีเพื่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ แต่หากศาลอนุญาตให้มีการสืบพยานลับหลัง ก็อาจจะไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง ส่วนนายทักษิณจะมีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศอีกหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา และในการต่อสู้คดีนี้ นายทักษิณมีความมั่นใจ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ
สำหรับกรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ กรณีที่เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณในการรักษาตัวที่ชั้น 14 นี้ นายวิญญัติ เปิดเผยว่า นายทักษิณ ไม่ได้กังวล และขอยืนยันว่า นายทักษิณป่วยจริง
อ่านข่าว :