วันนี้ (19 ส.ค.2567) นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร สภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร มีความพยายามที่จะแก้ปัญหาและยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้ก้าวสู่สากล กลุ่มสมุนไพร ส.อ.ท. และสมาคมผู้ผลิตยาสมุนไพรได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อพัฒนาโรงงานผลิตยาสมุนไพรไทยให้ได้มาตรการส่งออก
นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร สภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.)
หลังพบว่า มีโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานกว่า 500 แห่ง ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกปิดตัว ถือเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการสร้างมูลค่าตลาดสมุนไพร ทั้งในและต่างประเทศ และอุตสาหกรรมสมุนไพร เป็นหนึ่งอุตสาหกรรมมูลค่าสูงที่สำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศให้มีความเข้มแข็งขึ้น
ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร กล่าวอีกว่า เพิ่มยอดขายให้เติบโตและยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ให้สามารถรองรับการผลิตทั้งในประเทศและการส่งออก
สิ่งที่ ส.อ.ท. เร่งดำเนินการคือ พัฒนาโรงงานให้ได้มาตรฐาน PIC/S GMP: สำหรับโรงงานที่มีศักยภาพสูง จะได้รับการสนับสนุนให้ยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่ GMP/ PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อเปิดโอกาสในการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดโลก ส่งเสริมให้ได้มาตรฐาน GMP ASEAN เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียน
นอกจากนี้สนับสนุนให้โรงงานขนาดเล็กพัฒนาให้ได้มาตรฐานพื้นฐานระดับเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง เพื่อรักษาองค์ความรู้แพทย์แผนไทย และสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ
ปัจจุบันอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย เติบโตมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 52,000 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งในภาวะที่กำลังซื้อชะลอตัวเช่นในปัจจุบันก็จะกระทบต่อยอดขาย
ทำให้ผู้ประกอบการด้านสมุนไพรตั้งแต่ต้นน้ำ คือเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ไปจนถึงกลางน้ำ คือโรงงานผลิต และปลายน้ำคือผู้จัดจำหน่าย ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่อ่อนลง
ขณะที่ตลาดส่งออกนั้นปัจจุบันมีเพียง 12,000 ล้านบาท สาเหตุหลักที่ทำให้ตัวเลขสัดส่วนการส่งออกยังไม่เติบโตเท่าที่ควร เนื่องจากโรงงานสมุนไพรของไทยยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการยกระดับมาตรฐานการผลิตให้ได้ตามที่นานาชาติกำหนด ซึ่งหากสามารถปรับปรุงมาตรฐานการผลิตให้ได้มาตรฐานสากลก็จะช่วยให้ส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรเติบโตได้ถึง 2 เท่า
นายสิทธิชัย กล่าวว่า การจะพึ่งพากำลังซื้อในประเทศอย่างเดียวนั้นถือว่ามีขีดจำกัด และทำให้ไทยเสียโอกาสให้กับประเทศอื่นๆ ส.อ.ท.ได้ร่วมมือ อย. กรมการแพทย์แผนไทย และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หารือเพื่อหาแนวทางปรับปรุงมาตรฐานอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยอย่างครอบคลุม
ทั้งสำหรับโรงงานขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสมุนไพรไทยที่เป็นจุดเด่นของประเทศ และยังเป็นการรักษาและต่อยอด Soft Power ของไทย เช่น การต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่กำลังเติบโตในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
ความร่วมมือครั้งนี้เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ รวมถึงต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางที่มีสมุนไพรไทยเป็นส่วนประกอบ อีกทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการและซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยมากยิ่งขึ้น
นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.จะจัดการอบรมเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้ผู้ประกอบการ ด้วยการยกระดับไปทีละขั้น โดยจะเริ่มจากการเข้าไปช่วยพัฒนาโรงงานขนาดเล็กให้สามารถยกระดับเป็นระดับประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย และเตรียมความพร้อมในการแข่งขันทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการหารือกับสถาบันอาหารเพื่อส่งเสริมการใช้สารสกัดสมุนไพรไทยในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ในตลาดโลก โดยเน้นว่า การพัฒนามาตรฐาน GMP/PIC/S และ GMP ASEAN จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
อ่านข่าว:
เอกชนมั่นใจ "แพทองธาร"นายกฯ รุ่นใหม่ ขับเคลื่อนประเทศได้