วันนี้ ( 20 ส.ค.2567) ศูนย์วิจัยกรุงศรี ได้วิเคราะห์ สถานการณ์เศรษฐกิจครึ่งปีหลังว่า หลังจากที่ สภาพัฒน์ฯ รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาส2 ของปีนี้ขยายตัว 2.3% แม้ส่งออกขยับขึ้น แต่การบริโภคชะลอลงและการลงทุนยังหดตัว โดยนักวิเคราะห์และวิจัยกรุงศรี คาดไว้ที่ 2.1% และ 1.9% ตามลำดับเทียบกับขยายตัวที่ 1.6% ในไตรมาส1/67
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก การปรับดีขึ้นของการส่งออกสินค้าและบริการ การขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่องของการบริโภคเอกชน แต่ชะลอลงจากไตรมาสก่อน และ การกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีของการบริโภคภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐหดตัว ล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ยังคงคาดการณ์ GDP ปีนี้ขยายตัวที่ 2.5% จากกรอบคาดการณ์เติบโตในช่วง 2.3-2.8% โดยปรับกรอบแคบลงเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 2.0-3.0%
ขณะที่ไตรมาส2/67 สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP ที่ปรับผลของฤดูกาลออกขยายตัวที่ 0.8%ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์และวิจัยกรุงศรีคาดที่ 0.9% และ 0.7% ตามลำดับ ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 GDP เติบโตอยู่ที่ 1.9%
สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี วิจัยกรุงศรีประเมินเศรฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยภาคท่องเที่ยวจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญโดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายของปีที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับแรงส่งจากการใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าอาจฟื้นตัวช้า เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูสถานการณ์ทางการเมืองและทิศทางนโยบายในการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ บวกกับภาคส่งออกของไทยที่เผชิญแรงกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิต การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อและความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
โดยภาพรวมวิจัยกรุงศรีมีแนวโน้มยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ไว้จะขยายตัวเพียง 2.4% โดยยังต้องติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองและยังต้องติดตามการแถลงนโยบายเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกรุงศรีประเมิน ในกรณีฐานภายใต้การจัดตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ได้เร็วซึ่งเป็นฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลเดิมและมีเสียงข้างมากราว 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฏร จะทำให้การผลักดันนโยบายต่างๆ และการเบิกจ่ายงบประมาณปีปัจจุบันดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดทำพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 (วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท) อาจไม่เกิดความล่าช้า จากสถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปีนี้อาจมีจำกัด
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการแถลงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ว่าจะสามารถช่วยหนุนการบริโภค กระตุ้นการลงทุน หรือสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะเป็นแนวทางในการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าต่อไป
อ่านข่าว:
“ทองคำ” ลงแรง 200 บาท “ทองรูปพรรณ” ขายออก 39,825 บาท
คต.เผย ค้าชายแดนสงขลาคึกคัก มาเลเซียแห่ชอปสินค้าไทย
พาณิชย์ เร่งสกัดทุนจีน ชงดีอีใช้กฎหมายล้อมคอก