ขณะที่เจ้าของปั๊มน้ำมันรายใหญ่ ใน รัฐฉาน เมียนมา ระบุสาเหตุที่คนแห่ซื้อน้ำมัน และปั๊มน้ำมันหลายแห่งหยุดให้บริการ มาจาก 2 สาเหตุ
1. ค่าเงินจ๊าดที่อ่อนตัว เมื่อต้องนำเข้าน้ำมันจากประเทศไทย และจากตลาดโลกผ่านท่าเรือย่างกุ้ง ทำให้ราคาซื้อขายมีราคาสูงสูงกว่าที่ผ่านมา
2. มาจากการควบคุมราคาน้ำมันของรัฐ ยกตัวอย่างวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ราคาน้ำมันดีเซล ที่ควบคุมในประเทศจะเฉลี่ยที่ลิตรละ 18 บาท แต่ราคาน้ำมัน ที่ซื้อจากต่างประเทศวันเดียวกัน ราคาประมาณลิตรละ 26.50 บาท
ปัจจุบันปั๊มน้ำมันในเมียนมา จะมี 2 แบบ คือ ปั๊มน้ำมันที่ดำเนินการขออนุญาตถูกต้อง อีกส่วนคือปั๊มที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย
คำถามตามมาคือ แล้วทำไมปั๊มน้ำมันที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายจึงไม่ถูกจับ ก็เพราะเจ้าของปั๊มน้ำมันมีการแจกจ่ายผลประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น แทนการจ่ายค่าภาษี ขณะเดียวกันพบว่ามีการแจ้งรถน้ำมันนำเข้าไม่ตรงความจริงโดยมีส่วนที่เกี่ยวข้องรู้เห็นด้วย ( 1 คันรถ สามารถบรรทุกน้ำมันดีเซลได้ 43,00 ลิตร แต่หากเป็นเบนซินจะสามารถบรรทุกได้ 49,000 ลิตร )ซึ่งน้ำมันส่วนที่ไม่ได้แจ้ยอดนำเข้าจะถูกไปจำหน่ายต่อให้กับปั๊มน้ำมันที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย และเมื่อปั๊มน้ำมันจะนำไปขายต่อ ก็จะต้องขายในราคานำเข้าบวกค่าดำเนินการ
ที่ผ่านมารัฐจะให้ปั๊มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนกับรัฐตามกฎหมาย ต้องแจ้งยอดจำหน่วยน้ำมันในแต่ละวัน เพื่อที่จะเช็คและควบคุมไม่ให้น้ำมันตกเพื่อไปถึงมือกลุ่มต่อต้าน รวมทั้งเพื่อที่จะเก็บภาษีได้ถูกต้อง แต่ในความเป็นจริงปั๊มน้ำมันกลุ่มถูกกฏหมายนี้ก็จะแจ้งยอดขายเพียงส่วนหนึ่ง เช่นขายน้ำมันดีเซลได้วันละ 5,000 ลิตร จะแจ้งว่าขายได้เพียง 2,000 ลิตร ส่วน 3,000 ลิตรก็จะนำไปขายให้ปั๊มน้ำมันเถื่อนในราคานำเข้าบวกค่าดำเนินการ
เมื่อแจ้งยอดที่แจ้งจำหน่าย จะได้รับน้ำมันทดแทนจากรัฐ ตามจำนวนยอดขายที่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ แต่ก็ต้องขายในราคาควบคุม
ทำให้ในราคาน้ำมันในเมียนมาขณะนี้ จะมี 2 ราคา คือ
1. ราคาตามที่รัฐควบคุม ซึ่งจะหาซื้อได้จากปั๊มน้ำมันถูกกฎหมาย หรือ ปั๊มที่ประชาชนจำนวนมากเข้าคิวซื้อ แต่ส่วนนี้จะมีปริมาณน้อยตามยอดจำหน่ายที่แจ้งกับเจ้าหน้าที่รัฐแต่ละวัน
2. ราคาหลังปั๊ม ส่วนนี้จะป็นปั๊มผิดกฏหมาย มีราคาสูง แต่มีจำนวนมาก
รายงาน:ทีมศูนย์ข่าวภาคเหนือ