การใช้ชีวิตอย่างไร้แก่นสารของเต้ยจนถูกครอบครัวและสังคมตราหน้าว่าเป็นตัวปัญหา เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจหนีไปพัทยาตามคำชวนของเพื่อนและก้าวไปสู่เส้นทางการค้าประเวณีในที่สุด ซึ่งเป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดีที่เล่าจากเหตุการณ์จริงเรื่อง "PATTAYA" หนังใหญ่เรื่องแรกของผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชื่อดัง "ชาติฉกาจ ไวกวี" ที่ทำขึ้นภายใต้โครงการ Child Project ที่นักทำหนังแถวหน้า ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ นนทรีย์ นิมิบุตร เป็นผู้ทาบทามให้มาร่วมงาน โดยเล่าเรื่องด้วยการพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับด้านมืดของเมืองท่องเที่ยวพัทยาอย่างใกล้ชิดที่สุด อาศัยเพียงอุปกรณ์หลักคือกล้องถ่ายภาพและสมาร์ทโฟน เพื่อหวังให้เห็นถึงความเป็นจริงของปัญหา
ชาติฉกาจ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับทั้งในฐานะช่างภาพมืออาชีพ ผู้กำกับหนังโฆษณาและอาจารย์พิเศษในสถาบันต่างๆ แต่สิ่งที่สร้างชื่อให้กับนักคิดวัย 33 ปีคนนี้คือการทำรายการเรียลลิตี้ Around Me ที่ตั้งคำถามกับค่านิยมของสังคมผ่านการถ่ายทำที่เน้นการเข้าถึงบุคคลและประเด็นต้นเรื่อง ทั้งตึกแถวร้านค้าที่เปลี่ยนเป็นสถานบริการทางเพศในเวลากลางคืน หรือเทรนด์วัยรุ่นเด็กสแกน ที่เกิดจากการปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่าเกณ์เข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิง ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจในการทำสารคดีสะท้อนสังคม ไม่เพียงต้องการถ่ายทอดความเปราะบางของสังคมที่ไร้ภูมิคุ้นกันในยุคปัจจุบัน แต่ยังอยากจุดประกายความคิดและส่งต่อประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่อีกด้วย
ความถนัดในการถ่ายภาพและความสนใจทำภาพยนตร์สะท้อนสังคม ทำให้ชาติฉกาจตัดสินใจเปิดสตูดิโอเพื่อสอนการทำสื่อดิจิทัล ทั้งผลิตภาพยนตร์ โฆษณาและถ่ายภาพ ซึ่งเป็นสตูดิโอแสงเดย์ไลท์แห่งแรกของเอเชีย ที่มีแนวคิดมาจากประโยคฮิตของชาติฉกาจว่า "โลกนี้สวยได้ด้วยพระอาทิตย์เพียงดวงเดียว"
เพราะเชื่อเสมอว่าการทำหนังที่ดีไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบตายตัวหรือใช้อุปกรณ์ราคาแพงจำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญคือจุดมุ่งหมายของหนังที่ต้องการเสนอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาติฉกาจเน้นย้ำมาโดยตลอด เพราะมองว่าจะช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อสังคมได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง