เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2567 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอิตาลีในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศรุดเข้าตรวจสอบรถกระบะของหน่วยดับเพลิงคันหนึ่งที่ถูกน้ำท่วมจนเกือบมิดทั้งคัน ก่อนพบเข้ากับร่างของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เสียชีวิตและติดอยู่ภายในรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนี้เสียชีวิตระหว่างพยายามช่วยลากรถของผู้ประสบภัยขึ้นฝั่ง ก่อนถูกน้ำซัด ซึ่งเพื่อน ๆ ตามหาเขามาตลอดทั้งคืน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังภูมิภาคตอนใต้และทางตะวันออกของอิตาลีเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายจากอิทธิพลของพายุบอริส ซึ่งวานนี้ทางการอิตาลีประกาศเตือนภัยในร่วม 50 ภูมิภาค ให้ประชาชนเตรียมรับมือกับพายุ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่ ขณะที่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงปฏิบัติภารกิจกู้ภัยแล้วมากกว่า 80 ครั้ง
ส่วนในโปแลนด์ ประชาชนในเมืองวรอซสวาฟ (Wroclaw) และเมืองที่อยู่ใกล้เคียงพร้อมใจออกมาช่วยกันบรรจุกระสอบทรายและสร้างกำแพงตามริมฝั่งแม่น้ำและตามจุดเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วม ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วันนี้
ทางการโปแลนด์คาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองนี้จะเพิ่มระดับจนถึงจุดสูงสุดในวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น (19 ก.ย.) หลังจากสถานีวัดระดับน้ำใกล้เมืองดังกล่าวพบว่าน้ำในแม่น้ำสูงเกินระดับเตือนภัยไปแล้วอย่างมาก
ขณะที่กระทรวงกลาโหมโปแลนด์ระดมกำลังทหารมากกว่า 14,000 คน ลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในประเทศ เพื่อช่วยรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ในเมืองอื่น ๆ ของโปแลนด์ สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายลงแล้ว และเจ้าหน้าที่กำลังเดินหน้าประเมินความเสียหาย พร้อมทั้งเก็บกวาดและทำความสะอาดบ้านเรือน
ส่วนที่ฮังการี เจ้าของฟาร์มม้าแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของกรุงบูดาเปสต์ ทยอยอพยพม้าไปยังที่สูงขึ้น ขณะที่หลายคนช่วยกันวางกระสอบทรายเพื่อเตรียมความพร้อม หลังระดับน้ำในแม่น้ำดานูบ ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะเพิ่มสูงสุดถึงประมาณ 8.5 เมตร ในวันศุกร์หรือวันเสาร์นี้ตามเวลาท้องถิ่น
ขณะเดียวกันหลายประเทศที่เผชิญเหตุน้ำท่วมใหญ่ไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงที่ออสเตรีย กำลังเดินหน้าเก็บกวาดเศษซากความเสียหาย และในบางพื้นที่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีน้ำหรือไฟฟ้าใช้ ขณะที่รัฐบาลออสเตรียประกาศมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับเหตุน้ำท่วมทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มเงินกองทุนภัยพิบัติของรัฐบาลกลางเป็น 3 เท่า และการเลื่อนการจ่ายภาษีสำหรับบริษัทที่ได้รับผลกระทบ
ส่วนภาพรวมความเสียหายทั่วยุโรปกลางและตะวันออกจากภัยพิบัติระลอกนี้ ตอนนี้เพิ่มขึ้นจากอย่างน้อย 22 คน เป็นอย่างน้อย 24 คนแล้ว หลังจากล่าสุดสาธารณรัฐเช็กพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน
โปรตุเกสเร่งดับไฟป่าลุกลามกว่า 50 จุด
ภูมิภาคตอนเหนือและตอนกลางของโปรตุเกสกำลังเผชิญไฟป่าลุกลามหลายสิบจุด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมกำลังหลายพันคนเพื่อเร่งควบคุมสถานการณ์ ไฟป่าที่ใหญ่ที่สุด 3 อันดับแรกอยู่ในภูมิภาคตอนเหนือ ซึ่งตอนนี้เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 60,000 ไร่ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไฟป่าระลอกนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 7 คน
ไฟป่าที่โหมลุกไหม้และคืบคลานข้าใกล้พื้นที่ชุมชนเรื่อย ๆ ในภูมิภาคตอนเหนือของโปรตุเกส ส่งผลให้ท้องฟ้าในยามค่ำคืนกลายเป็นสีส้ม ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ระดมกำลังเข้าดับไฟตลอดวันตลอดคืน และชาวเมืองที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 5,300 คน พร้อมยานพาหนะ 1,000 คัน และเครื่องบินประมาณ 20 ลำ ต้องกระจายกำลังเร่งดับไฟป่าที่ลุกลามมากกว่า 50 จุดทั่วภูมิภาคตอนกลางและตอนเหนือของประเทศ หลังปะทุขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอากาศร้อนอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ประกอบกับกระแสลมแรงทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว
ไฟป่าจุดที่ใหญ่ที่สุด 3 อันดับแรกกระจุกตัวอยู่ในภูมิภาค Aveiro ทางตอนเหนือ ซึ่งเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 62,000 ไร่
นอกจากนี้มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 7 คนแล้ว โดยในจำนวนนี้ 3 คนเป็นนักดับเพลิงที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติภารกิจ และยังมีผู้บาดเจ็บอีกประมาณ 50 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่สั่งปิดถนนหลายสายในทั้งสองภูมิภาคและระงับการให้บริการรถไฟในพื้นที่ประสบภัย
ทางการโปรตุเกสประกาศเตือนภัยตั้งแต่ช่วงบ่ายวันเสาร์ (14 ก.ย.) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมทั้งร้องขอความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป ขณะที่สเปนส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด 2 ลำมาช่วยโปรตุเกสจัดการไฟป่าตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าเครื่องบินจากฝรั่งเศส อิตาลี และกรีซจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้
แม้ปีนี้ในโปรตุเกสและสเปนจะมีไฟป่าปะทุขึ้นน้อยกว่าปกติ เนื่องจากมีฝนตกลงในช่วงต้นปี แต่ทั้ง 2 ประเทศถือว่ายังเสี่ยงจะเผชิญสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งมากขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกร้อน
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ในสังกัดองค์การสหประชาชาติ เตือนว่า หากประเทศต่างๆ ยังไม่เดินหน้ามาตรการรับมือปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก จะทำให้มีความเป็นไปได้ถึง 2 ใน 3 ที่โลกจะเผชิญสภาวะที่อุณหภูมิร้อนขึ้นกว่าช่วงยุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 3 องศาเซลเซียส ภายในปลายศตวรรษนี้
อ่านข่าวเพิ่ม :
ภูมิธรรมเล็ง "ช่อง NBT" แม่งานปรับผังเตือนน้ำท่วมประชาชน
บึ้มรอบ 2 "วิทยุสื่อสาร" ระเบิดซ้ำทั่วเลบานอน ตายแล้ว 20 คน
สภาพอากาศวันนี้ เหนือได้คลาย อีสาน-ใต้เจอฝนหนัก เช็ก 10 จว.ฟ้ารั่ว