คดี ดิไอคอน ไม่สะเทือนวงการขายตรง "ธุรกิจสีเทา" เน้น ระดมเงิน

วันนี้( 24 ต.ค.2567) นายธนดล ยิ่งยง ตัวแทนจำหน่ายสินค้าขายตรงจากบริษัทขายตรงแห่งหนึ่งกล่าวกับ “ไทยพีบีเอส” ถึงภาพลักษณ์ของผู้ทำธุรกิจขายตรง หลังเกิดคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่กลุ่มผู้บริหารได้ชักจูงประชาชนให้เข้าร่วมลงทุน ส่งผลเสียหายกระทบวงกว้าง โดยยอมรับว่า ในช่วงแรกอาจจะมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มากเพราะลูกค้าหรือผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าจากนักธุรกิจขายตรง ส่วนใหญ่จะเชื่อมั่นในระบบขายตรงของบริษัทที่เน้นไปที่ตัวสินค้ามากกว่าการหาเครือข่าย

นายธนดล ยิ่งยง ตัวแทนจำหน่ายสินค้าขายตรงจากบริษัทขายตรงแห่งหนึ่ง

นายธนดล กล่าวว่า ผู้เข้าสู่วงการขายตรง ส่วนใหญ่อยากมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นพื้นที่ทำกินแหล่งสองและสาม นอกเหนือจากรายได้ประจำประกอบกับมีเพื่อนที่อยากมีรายเพิ่ม จึงทำให้เห็นการขายตรงเป็นธุรกิจที่น่าสนไป จึงไปสมัครเป็นตัวแทนขายตรงกับบริษัทหนึ่ง เนื่องจากได้ใช้สินค้าจริง และเห็นโอกาสมีรายได้เพิ่มจากการขาย เพื่อนจึงชวนให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกบริษัทขายตรง เมื่อ 20 ปีก่อน เนื่องจากอยากมีรายได้เสริมจากงานประจำ ซึ่งก่อนสมัครฯได้ใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 เดือนจนเกิดความมั่นใจ

สำหรับคนที่อยากเข้าสู่ธุรกิจขายตรง อยากแนะนำว่า ต้องถามตัวเองก่อนว่าต้องการอะไร มีวัตถุประสงค์ อะไร เพราะแต่ละคนที่เข้ามา มีวัตถุประสงค์ต่างกัน บางคนต้องการแค่ ซื้อสินค้า บางคนอยากทำเป็นรายได้เสริม บางคนอยากประกอบเป็นอาชีพ รายได้หลัก

นายธนดล กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่ต้องการมีรายได้เพิ่มขึ้น หลักต้องศึกษาก่อนว่า บริษัทที่ทำธุรกิจขายตรง ได้จดทะเบียนกับสคบ. หรือไม่ บริษัทมีตัวตนหรือไม่ มีแผนธุรกิจอย่างไร ที่สำคัญต้องดูว่าแผนธุรกิจนั้น เป็นแผนการระดมทุนหรือไม่

เพราะหัวใจของธุรกิจขายตรงไม่ใช่การระดมทุน หากใครบอกว่า ให้เอาเงินมาลงทุนเท่านั้น เท่านี้ ให้ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นธุรกิจสีเทา เพราะการขายตรงแท้จริงแล้วคือ การซื้อสินค้าใช้ และ การบอกต่อเพื่อชวนคนมาซื้อสินค้าใช้

สำหรับการหาเครือข่ายธุรกิจขายตรง ธนดล ยอมรับว่า ช่วงแรกกังวลมาก เพราะไม่ชอบงานขาย และขายไม่เก่ง ต้องเอากำไรจากเพื่อนที่เป็นเครือข่าย ดังนั้นสิ่งแรกที่นักขายตรงทำ คือ ลองใช้สินค้าเองหากสินค้าดี ก็สามารถแนะนำเพื่อนๆลองใช้ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปากและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง

สำหรับเครือข่าย หรือ หากกรณีมีเพื่อนสมาชิกประมาณ 500 คน ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนหรือรายได้ที่เข้ามา อาจไม่สูงมาก เพราะเป็นรายได้เสริมจากการขายสินค้า และขึ้นอยู่กับลูกค้าที่มาสั่งซื้อสินค้ามากน้อยแค่ไหน บางเดือนได้หลักพัน บางเดือนหลักหมื่นบาทต่อเดือน

เป็นรายได้ที่ค่อนข้างพอใจ แม้จะน้อยแต่ก็ช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายอื่น ๆได้บางทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินอยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความขยันของเราเองด้วยในการซื้อสินค้าหรือแนะนำสินค้า

อย่างไรก็ตาม แม้คดีดิไอคอนฯ อาจสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับนักธุรกิจขายตรง แต่ นายธนดล เชื่อว่า ไม่ทำให้ความเชื่อมั่นของเครือข่ายสั่นคลอน เนื่อง จากบริษัทขายตรงที่ตนเองเป็นสมาชิกทำธุรกิจขายตรงมายาวนาน และอยู่ภายใต้กฎหมายขายตรง

มีคำถามจากเครือข่ายว่า ดิ ไอคอน ผิดประเด็นใด ทำไมถูกยึดทรัพย์ หากแยกให้ดีจะพบ ว่า ธุรกิจที่ผิดกฎหมายจะเป็นลักษณะของการฉ้อโกง ระดมทุน เพราะถ้าระดมทุนเมื่อไหร่ ต้องใช้เงินเยอะๆ ในการทำธุรกิจ หรือ ไม่น่าจะเป็นธุรกิจที่ถูกต้อง

ส่วนเครือข่ายขายตรง 500 คนที่อยู่กับบริษัท ไม่ได้เกิดผลกระทบใดๆ ด้านความเชื่อมั่น หรือ ยอดขาย เนื่องจากบริษัทผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย

นายธนดล บอกอีกว่า สำหรับธุรกิจขายตรง ที่เขารับผิดชอบจะใช้เวลาเพียง 20-30% ของเวลาในแต่ละวัน เพื่อแลกเปลี่ยนและคุยกับเครือข่าย หรือ บางเดือนแทบไม่ต้องทำอะไร ส่งเพียงแค่โปรโมชั่นสินค้าในแต่ละเดือนเท่านั้น โดยผู้บริโภคแต่ละคนสั่งซื้อเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การทำธุรกิจขายตรงรวยก็จริง แต่ไม่ได้รวยเร็วแบบประะเภทต้องทำภายใน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี แล้วรวยเร็ว ต้องเก่งและทุ่มเทอย่างมาก หัวใจของธุรกิจขายตรง มาจากจำนวนของผู้บริโภค คูณกับ จำนวนยอดซื้อ ถ้าซื้อมากก็ได้ส่วนแบ่งจากบริษัทสูง โดยที่ไม่ต้องไปลดราคาแข่งขันกับเครือข่ายอื่น เพราะราคาที่ขายให้กับผู้บริโภคถูกกำหนดโดยบริษัทขายตรงแต่นักธุรกิจขายตรงจะใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแตกต่างกัน เช่นจับคู่จัดโปรโมชั่น เป็นต้น

อ่านข่าว:

สายพันธุ์นักล่า “ธุรกิจขายตรง” กลโกงกินรอบวงแชร์ลูกโซ่

 แบงก์พาณิชย์ พาเหรด ลดดอกเบี้ยเงินกู้-ฝาก 0.25%

“คลัง” ยันงบ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง”ไม่ถึง 2.4 หมื่นล้าน ย้ำมีแหล่งเงิน