ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สแกนหน้าครั้งเดียวเที่ยวทุกที่ AOT เปิดใช้ระบบ Biometric

สังคม
28 ต.ค. 67
20:02
2,310
Logo Thai PBS
สแกนหน้าครั้งเดียวเที่ยวทุกที่ AOT เปิดใช้ระบบ Biometric
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
AOT พร้อม! ดีเดย์ 1 ธ.ค. เดินทางผ่าน 6 สนามบิน สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยระบบไบโอเมตริก ผู้โดยสารในประเทศได้ใช้ก่อน 1 พ.ย. พร้อมอวดตัวเลขผู้โดยสารปีงบ 67 พุ่งกว่า 120 ล้านคน คาดปีงบ 68 ขยับถึง 130 ล้านคน

วันนี้ (28 ต.ค.2567) ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า AOT มุ่งสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ผู้โดยสารได้มาใช้บริการท่าอากาศยานที่ทันสมัย พร้อมส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าพึงพอใจ

AOT จึงได้นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System : Biometric) ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสาร โดยได้พัฒนาและทดสอบระบบฯ ให้มีความพร้อมใช้งาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว รวมทั้งจะช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่

  1. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)
  2. ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.)
  3. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.)
  4. ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.)
  5. ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.)
  6. ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.)

ซึ่งในวันที่ 1 พ.ย.2567 ผู้โดยสารภายในประเทศสามารถใช้งานได้ก่อน และในวันที่ 1 ธ.ค.2567 พร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล

เปิดตัวระบบ Biometric สะดวกสบาย ไร้สัมผัส

สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนใช้งานเมื่อมาเช็กอินที่สนามบิน โดยมี 2 วิธี ได้แก่

1. เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร (เครื่อง CUTE) โดยระบบฯ จะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบฯ

2. เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (เครื่อง CUSS) โดยหลังจากเช็กอินเสร็จแล้ว ให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง ต่อด้วยเลือก "Enrollment" จากนั้นสแกน barcode จากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบฯ จะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบฯ เช่นเดียวกัน

ซึ่งเมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้วถือว่าผู้โดยสารได้ให้ความยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ดังนั้น เมื่อผู้โดยสารจะโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) ตลอดจนผ่านจุดตรวจค้น รวมทั้งขั้นตอนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องแสดง Passport และ Boarding Pass อีกต่อไป ทั้งนี้ เป็นการยินยอมให้ใช้ข้อมูล Biometric สำหรับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT มั่นใจว่าระบบ Biometric มีความพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารทั้งผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศจะได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ใช้เวลาน้อยในแต่ละจุดบริการ ทำให้ผู้โดยสารมีเวลาเพียงพอที่จะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากรและของฝาก รับประทานอาหาร หรือพักผ่อนหย่อนใจ

เนื่องจากที่ผ่านมา AOT ได้มีการติดตั้งระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง หรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) ที่สนับสนุนการให้บริการทั้งหมด 5 ระบบ ได้แก่

  1. เครื่อง CUTE (เครื่องตรวจบัตรโดยสารซึ่งใช้งานโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน)
  2. เครื่อง CUSS (เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ)
  3. เครื่อง CUBD เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ
  4. ระบบ PVS (Passenger Validation System) สำหรับตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร 
  5. ระบบ SBG (Self-Boarding Gate) หรือระบบประตูทางออกขึ้นเครื่อง

โดยทั้ง 5 ระบบดังกล่าวได้ติดตั้งเพื่อรองรับระบบ Biometric ไว้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อระบบทั้งหมด 6 ระบบได้มีการใช้งานและเชื่อมต่อกันอย่างครอบคลุม จะทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์

นักท่องเที่ยวจีนแห่เที่ยวไทย! สุวรรณภูมิคึกคัก

ดร.กีรติ กล่าวว่า ในส่วนของปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.2566 - ก.ย.2567) มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 119.29 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 72.67 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.82 และผู้โดยสารภายในประเทศ 46.62 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.01 ขณะที่มีเที่ยวบินรวม 732,690 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.5 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 416,190 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.63 และเที่ยวบินภายในประเทศ 316,500 เที่ยวบิน ลดลง ร้อยละ 0.73

  • ทสภ.มีผู้โดยสาร 60 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.04 และมีเที่ยวบิน 346,680 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.88
  • ทดม.มีผู้โดยสาร 29.15 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.25 และมีเที่ยวบิน 197,250 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.47
  • ทชม.มีผู้โดยสาร 8.82 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.14 และมีเที่ยวบิน 57,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.68
  • ทชร.มีผู้โดยสาร 1.9 ล้านคน ลดลงร้อยละ 1.96 และมีเที่ยวบิน 12,260 เที่ยวบิน ลดลงร้อยละ 3.37 
  • ทภก.มีผู้โดยสาร 16.40 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.94 และมีเที่ยวบิน 98,710 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.97
  • ทหญ.มีผู้โดยสาร 3.03 ล้านคน ลดลงร้อยละ 5.14 และมีเที่ยวบิน 19,730 เที่ยวบิน ลดลงร้อยละ 5.84 ทั้งนี้

มีผู้โดยสารแยกตามสัญชาติ 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ รัสเซีย และญี่ปุ่น

ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการจัดสรรตารางบินฤดูหนาว 2024/2025 (W2024/2025) ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT มีเที่ยวบินได้รับการจัดสรรเวลารวม 370,239 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวในปีที่ผ่านมา (W2023/2024 ) ร้อยละ 22.1 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 222,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.1 เที่ยวบินภายในประเทศ 147,459 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 ทั้งนี้ มีแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งระหว่างประเทศและ
ในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 และเส้นทางระหว่างประเทศที่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ และฮ่องกง

นักท่องเที่ยวแห่บินไทย คาดฤดูหนาวเพิ่มเที่ยวบิน

สำหรับปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ในปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.2567-ก.ย.2568) AOT คาดว่าจะผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 129.97 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 78.61 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.17 และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 51.36 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.18 ขณะที่คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 808,280 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.32 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 453,750 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.02 และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 354,530 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.02

โดยเฉพาะที่ ทสภ.คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 64.44 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.40 และมีเที่ยวบินประมาณ 376,820 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.69 ส่วน ทดม.มีผู้โดยสารประมาณ 33.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.91 และมีเที่ยวบินประมาณ 223,200 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.00

ดร.กีรติ กล่าวในตอนท้ายว่า AOT มุ่งพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในท่าอากาศยานให้ทันสมัย ทันต่อความต้องการของผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ AOT ที่จะเป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก 

อ่านข่าว : รันเวย์ 3 สุวรรณภูมิเปิดแล้ว! เตรียมรองรับ 1 ล้านเที่ยวบินต่อปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง