วันนี้ (26 พ.ย.2567) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า รัฐบาลจีนยังคงเปิดกว้างในการเจรจาพูดคุยกับสหรัฐอเมริกา หลังถูกนักข่าวถามระหว่างการแถลงข่าวประจำวันว่าได้หารือกับทีมงานของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ ปธน.สหรัฐฯ แล้วหรือยัง
ขณะที่โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า ไม่มีใครชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษี โดยจีนเชื่อว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย
นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่า จีนได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ ในการจัดการกับการลักลอบค้ายาเสพติด โดยเฉพาะยาเฟนทานิล เข้าไปในสหรัฐฯ แล้ว ตามข้อตกลงที่ผู้นำของ 2 ประเทศเห็นชอบร่วมกันเมื่อปีที่แล้ว และข้อกล่าวหาเรื่องจีนปล่อยให้เกิดปัญหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ท่าทีของจีนมีขึ้นหลัง "ทรัมป์" ประกาศว่าในวันเริ่มทำงานวันแรก จะลงนามในคำสั่งของฝ่ายบริหาร กำหนดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มจากกำแพงภาษีเดิมอีกร้อยละ 10 รวมทั้งจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาร้อยละ 25 จนกว่าทั้ง 3 ประเทศ จะจัดการกับปัญหายาเสพติดที่ถูกส่งเข้ามาในสหรัฐฯ ซึ่งในกรณีของเม็กซิโกและแคนาดายังรวมถึงปัญหาผู้อพยพด้วย
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่ง มองว่าการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจาก 3 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อาจจะส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันในประเทศ เนื่องจากบริษัทผู้นำเข้าสินค้าอาจผลักต้นทุนมาให้กับผู้บริโภค หรือลดกำไรของตัวเองลง รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าของเอเชีย ที่ใช้เม็กซิโกเป็นฐานการผลิตต้นทุนต่ำ เพื่อส่งสินค้าไปยังตลาดในสหรัฐฯ
อ่านข่าวเพิ่ม :
"ทรัมป์" ขู่ขึ้นภาษีสินค้า "เม็กซิโก-แคนาดา-จีน" ในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง
"สมรักษ์ คำสิงห์ ป่วยเส้นเลือดสมองตีบเข้า ICU แพทย์ดูแลใกล้ชิด