ทำลายคนข้างกาย สอยคนข้างใจ เกมแรงการเมือง แม้จะยังไม่สิ้นลายพยัคฆ์ แต่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เข้าสู่ช่วงขาลง บารมีหด อำนาจหาย ถูกอดีตคนเคยคุ้นจองกฐินหลายกอง ทั้งกฐินราษฎร์ กฐินหลวง
นับแต่เสียตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย ให้ “พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ” รองจเร กอ.รมน. ทำให้ขาดคุณสมบัติในการลงชิงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ วาระใหม่ ที่จะมีขึ้นในเดือน มี.ค.2568
ใบสั่งเช็กบิลการเมืองตัดจบอำนาจ “ลุงป้อม” และพรรคพลังประชารัฐ ต้องเร่งทำให้เสร็จสิ้น ก่อนการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นในปี 2569 หรือ 2570 หากมีอุบัติเหตุการเมือง ดังนั้นการจะหวนคืนสู่ตำแหน่งประธานกรรมการโอลิมปิกอีกครั้ง เพื่อยึดบ้านอัมพวันกลับคืนจึงไม่ง่าย โดยเฉพาะในยุคที่ “สรวงศ์ เทียนมอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นั่งในตำแหน่งรมว.กีฬาและการท่องเที่ยว
และฝั่งของ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตคนเคยรัก อยู่ฝั่งตรงข้าม ต่างจากเมื่อปี 2560 หรือ 7 ปีที่แล้ว ที่บารมีของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร แบ่งบานขีดสุด ในฐานะพี่ใหญ่ของ 3 ป.
นับแต่คนข้างกาย “จ็อบ” สามารถ เจนชัยกิจวนิช สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองโฆษกพรรค ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จับข้อหาฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน จำนวนเงิน 2.5 ล้านบาท และถูกนำตัวฝากขังจนประกาศอดข้างประท้วง กรณีคลิปเสียง เรียกรับผลประโยชน์ “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป
ทำให้ต้องชิงลาออกจากพรรคพลังประชาชนและสิ้นสภาพในคณะกรรมาธิการต่าง ๆในสภาอีก 20 คณะ ยิ่งส่งผลกระทบต่อพรรคพลังประชารัฐไม่น้อย และเมื่อ “สิระ เจนจาคะ” อดีตสมาชิกพลังประชาชารัฐ ขยี้เรื่องคลิปเสียง “คนในป่า” ขอให้หาทางช่วย “จ๊อบ” สามารถอีกระลอก ทำเอา “ลุงป้อม”ต้องใช้ความสงบ สยบเคลื่อนไหว
แต่พลันที่ปรากฏเส้นเงิน “คนข้างใจ” ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร เข้าไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ “ไร่ภูนับดาว” หลังจาก ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ ของ ร.อ.ธรรมนัส อดีต รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในยุคนั้น เข้าไปตรวจสอบการออก สปก.ทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บริเวณบ้านเหวปลากั้ง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ออกมาเปิดประเด็น ไร่ภูนับดาว บุกรุกพื้นที่ สปก.4-01 ในพื้นที่เขต ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก็ยังไม่พบแรงกระเพื่อมใด ๆ จากพรรคพลังประชารัฐ
ข้อมูลของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ระบุว่า ไร่ภูนับดาว เข้าไปครอบครองพื้นที่ สปก.4-01 จำนวน 5 แปลง เนื้อที่กว่า 100 ไร่ ผู้ครอบครองเป็นกลุ่มทุนใหญ่ พบชื่อ “วิชิต พยุหะนาวีชัย” ประธานเจ้าหน้า ที่บริหารบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน)
ในปี 2557-2558 ผู้ครอบครองเข้าไปก่อสร้างอาคารสถานที่ ทางกรมป่าไม้กับ ป.ป.ท. จึงเข้าไปตรวจสอบและมีการดำเนินคดีกับบุกรุกพื้นที่ จับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน และ 1 นั้นเป็นภรรยาปลัด อบต.ในพื้นที่ไม่ยอมและสู้คดี ศาลจึงสั่งจำคุกโดยไม่รอลงอาญาเป็นเวลา 6 เดือน ส่วนอีก 4 คนรอลงอาญา
ส่วนพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นข้อพิพาท ศาลมีคำสั่งตัดสินเด็ดขาดแล้วว่า พื้นที่ไร่ภูนับดาวจำนวน 100 ไร่ เป็นสวนป่า ไม่สามารถออก ส.ป.ก.ได้ แต่เจ้าหน้าที่ส.ป.ก.จังหวัดสระบุรีในขณะนั้น นำไปออก ส.ป.ก.4-01 ซึ่งถือว่ามีความผิดชัดเจน เนื่องจากผู้ครอบครองไม่ได้มีอาชีพเกษตรกร
ศาลจึงมีสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรีเพิกถอนเพื่อดำเนินคดีฐานบุกรุกที่ดินของรัฐ ส่วนการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ มีการก่อสร้างอาคารสถานที่โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อสร้าง ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาคารสถานที่ พ.ศ. 2522 และอยู่ในขั้นตอนให้นายก อบต.หนองย่างเสือ เข้าแจ้งความเอาผิดกับทางไร่ภูนับดาว
หลังเกิดประเด็นการเมือง สำนักงานปฎิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรีได้ ออกเอกสารชี้แจงเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2561 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากได้รับเบาะแสว่ามีการออก ส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่กลุ่มคลองสวนป่าปางหัวช้าง-คลองไทร ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งพื้นที่สวนป่าไม่สามารถออก ส.ป.ก. 4-01 ได้
แต่จากการตรวจสอบพบ เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินประกอบกิจการฟาร์มปศุสัตว์เลี้ยงโคนม ม้า เป็ด นกกระจอกเทศ เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวลักษณะรีสอร์ทบ้านพักตากอากาศ ลานกางเต็นท์กิจกรรมและร้านอาหารในพื้นที่ดังกล่าวจำนวน 13 แปลงโดยใช้สถานที่เรียกว่า “ไร่ภูนับดาว”
21 พ.ค.2567 ส.ป.ก.สระบุรีแจ้งให้เกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ครอบครองที่ดินทั้ง 13 แปลงมาชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่แล้ว สรุปว่า มีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ 6 แปลง จำนวน 2 ราย
30 พ.ค. 2567 ส.ป.ก. สระบุรีมีหนังสือแจ้งให้เกษตรกรทั้ง 2 รายปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบเข้าทำประโยชน์ ข้อ 7 (3) และ (5) คือ ไม่เปลี่ยนแปลงสภาพที่ดินจนเป็นเหตุให้เสื่อมสภาพต่อการประกอบเกษตรกรรม รวมทั้งไม่ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างเกินสมควร หากเตือนแล้วยังฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ส.ป.ก.สระบุรี จะดำเนินการสั่งให้เกษตรกรสิ้นสิทธิการเข้าทำประโยชน์ที่ดินตามระเบียบต่อไป
ต่อมามีการยื่นคำขอรับอนุญาตใช้ที่ดินจำนวน 3 แปลง รวมเนื้อที่ 3-0- 25 ไร่ เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ “โครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรมนวัต กรรมยั่งยืนไร่ภูนับดาว” ที่ประชุม คปจ.สระบุรี ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 มีมติอนุญาตให้มีการใช้ที่ดินโดยการเช่าซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่ประกอบกิจการ “ไร่ภูนับดาว”
ต.ค. 2567 ส.ป.ก.มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กษ 1204/6922 ลงวันที่ 13 พ.ย 2567 แจ้ง ส.ป.ก.สระบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำข้อเท็จจริงเสนอ คปจ. สระบุรี ทบทวนคำสั่งอนุญาตให้ใช้ที่ดินเนื่องจากยังมีประเด็นอาคารสิ่งปลูกสร้างในที่ดินซึ่งใช้เป็นที่ทำการของบริษัทภูนับดาว ที่ยังไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้องตามกฎหมายของหน่วยงานอื่นและอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาคารสิ่งปลูกสร้างที่เสนอในที่ประชุม คปจ.สระบุรี จึงยังไม่เป็นที่ยุติว่า ส.ป.ก.หรือหน่วยงานอื่นจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไร
ปัจจุบัน ส.ป.ก. สระบุรี ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ได้รับอนุญาตทราบว่า จะมีการทบทวนการอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อจัดทำโครงการศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าว ทั้งนี้ ได้ให้โอกาสโต้แย้งแสดงหลักฐานต่อ ส.ป.ก.สระบุรีภายใน 30 วัน และได้ขอความร่วมมือให้หยุดประกอบกิจการ จนกว่า คปจ.สระบุรี จะพิจารณา
ขณะที่เพจไร่ภูนับดาวเพจ “ไร่ภูนับดาว Phu Nub Dao Cafe'&Farm" ได้โพสต์ แถลงการณ์ชี้แจงว่า ที่ตั้งของศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรม นวัตกรรมยั่งยืน ไร่ภูนับดาวตั้งอยู่บนเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผู้ใช้ประโยชน์ในที่ดิน ล้วนเป็นเกษตรกรทั้งสิ้น และมีการขออนุญาตเพื่อใช้ที่ดิน ในกิจการที่เกี่ยวเนื่องเกษตรกรรมตามกรอบของกฎหมาย จัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรม นวัตกรรมยั่งยืน ไร่ภูนับดาว
ได้รับอนุญาตพร้อมทำสัญญาเช่ากับสำนักงานปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) จังหวัดสระบุรี ถูกต้องตามกฎหมาย ณ วันที่ 11 ก.ย 2567 เนื้อที่ 3 ไร่เศษ ได้รับสิทธิ์การเช่าเป็นเกษตรกร มีฟาร์มโคนมของเกษตรกร มีแม่โคมากกว่า 400 ตัว และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ตลอดจนสวนผลไม้เพื่อแปรรูป
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหวานใจของอดีตรองนายกรัฐมนตรี และไม่มีบุคคลใดรู้จักกและไม่มีเส้นทางการเงินใดที่เกี่ยวข้อง ตามที่ปรากฎเป็นข่าวใด ๆ เลย
ส่วนการจัดทำพื้นที่ให้สวยงามก็เพื่อจะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเชิงเกษตรมาซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมวัวและผลไม้ทางไร่ และเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรและประชาชนทั่วไป ได้เรียนรู้อาชีพการเลี้ยงโคนม และการแปรรูปจากนมวัว สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำนมดิบ ซึ่งชาวมวกเหล็กยึดถือเป็นอาชีพการเลี้ยงโคนม จากรุ่นพ่อแม่ สู่รุ่นลูกหลาน เพราะการเลี้ยงโคนมเพื่อหวังน้ำนมดิบอย่างเดียว ทำให้เกษตรกรมีภาระหนี้สินล้นพ้นตัว ทำให้ต้องขายฟาร์ม และเลิกการเลี้ยงโคนมเป็นอาชีพในที่สุด
แถลงการณ์ยืนยันว่า จะสืบสานการเลี้ยงโคนมที่กำลังจะสูญหายจากไทยและขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับผู้ที่ไม่หวังดี นำภาพหรือข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงไปตัดต่อและอาจมีการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อปกป้องตัวเอง
แม้ยังมีประเด็นโต้แย้ง จากส.ป.ก.จังหวัดสระบุรีมีหนังสือแจ้งให้ผู้ได้รับอนุญาตทราบว่า จะมีการทบทวนเรื่องการอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อจัดทำเป็นศูนย์การเรียนรู้และนวัตกรรม และให้โอกาสโต้แย้งแสดงหลักฐานต่อ ส.ป.ก.สระบุรีภายใน 30 วัน โดยขอให้ไร่ภูนับดาว หยุดประกอบกิจการจนกว่าทาง คปจ.สระบุรี จะพิจารณาทบทวนคำสั่งให้เป็นที่ยุติต่อไป ตรงนี้ยังเป็นประเด็นข้อโต้แย้ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจคือเส้นเงิน หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.66 พบเส้นเงินจากบัญชีนักธุรกิจคนหนึ่งจากบริษัทแห่งหนึ่ง โอนเงินไปบัญชีผู้หญิงที่สนิทกับบิ๊กการเมือง 5 ครั้ง ภายในวันเดียว โดยโอนครั้งละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 10 ล้านบาท
แต่เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2567 นางวนาพร พรกิติพงษ์ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอเปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) อีกครั้ง โดยชี้แจงว่า เป็นการโอนเงินเพื่อชำระหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 ชุดที่ 1 ที่ออกวันที่ 27 ม.ค. 2564 ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 13 มิ.ย. โดยจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ทั้งสิ้นจำนวน 459 ราย จำนวนเงินรวม 1,450 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการชำระหนี้หุ้นกู้ที่ถึงกำหนดไถ่ถอนตามปกติ โดยบริษัทรวมถึงบริษัทในกลุ่มมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง บอกว่า การนำที่ดินของรัฐมาแปลงให้เป็นของผู้เช่า ตั้งเป็นบริษัท และ ป.ป.ท.ทำรายละเอียดคดีมากพอสมควร พร้อมส่งคดีให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อแล้ว แต่ทาง ป.ป.ท.ยังมีข้อสงสัยหลายประเด็นที่อยากจะสืบสวนต่อ
จึงมอบเอกสารทั้งหมดให้ตำรวจ ป.ป.ป.สืบสวนต่อ และส่งเอกสารอีกส่วนให้ ปปง. สืบสวนเส้นทางการเงินต่อ โดยเส้นเงินที่ตรวจพบมูลค่าสูงถึง 900-1,000 ล้านบาท แต่จะเป็นเงินอะไร มาจากไหน ยังอธิบายไม่ได้
ดังนั้นประเด็นดังกล่าวจะมี 2 ส่วน คือ เรื่องของการใช้ประโยชน์ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ และเส้นเงินที่อาจเชื่อมโยงไปสู่คนข้างใจของบิ๊กการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินหรือไม่ จึงต้องต้องจับตาดูอย่างต่อเนื่อง เพราะการบดขยี้ทางการเมืองเพื่อทำลายล้างกันในครั้งนี้ เดิมพันสูงยิ่งนัก
อ่านข่าว : ตร.พีพีใจดี! พา นทท.สาวเมาหลับ ขึ้นรถเข็นผักส่งกลับโรงแรมนอน
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ? กฎอัยการศึกฉีกหน้าประชาธิปไตยเกาหลีใต้