ไม่น่าเชื่อว่า คดีโครงการจำนำข้าวที่สร้างมูลค่าเสียหายกว่า 1.3 แสนล้านบาท ในรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มีผู้ต้องหา “บิ๊กเนม” ได้รับการพักโทษไปแล้ว 3 ราย รายล่าสุด คือ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรมว.พาณิชย์ ที่ได้รับการพักโทษ จนกลับไปอยู่บ้านที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ ก็ได้มีการปล่อยตัวไปแล้วตั้งแต่เดือนส.ค. เช่นเดียวกับ ”เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร ผู้ต้องหาคนสำคัญ ที่ออกจากเรือนจำไปอย่างเงียบกริบตั้งแต่เดือนต.ค. ได้พักโทษไปก่อนล่วงหน้า “บุญทรงและภูมิ” เสียอีก ขณะที่ “บิ๊กข้าราชการ” อีก 2 ราย คือ อดีตกรมการค้าต่างประเทศ และข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ได้เข้าเกณฑ์การพักโทษ
อดีตผู้ต้องหาแต่ละคนที่ได้รับการพักโทษ ไล่เรียงตั้งแต่ บุญทรง ถูกแจ้งข้อหา ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2558
อ่านข่าว ราชทัณฑ์แจงยิบปมพักโทษ "เสี่ยเปี๋ยง" เข้าเกณฑ์ป่วยร้ายแรง
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาจำคุก เป็นเวลา 42 ปี กรณีมีส่วนรู้เห็นในการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้วฯ สร้างความเสียหายกว่า 5,856 ล้านบาท
แม้ต่อมาศาลจะสั่งจำคุก “บุญทรง” เพิ่มจากคดีความเสียเสียหายจากการทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวมอีก 4 สัญญา สมัย “ภูมิ สาระผล” เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว เห็นชอบขายข้าวแก่บริษัทกว่างตง 2 สัญญา สร้างความเสียหาย 11,011 ล้านบาท เพิ่มอีก 6 ปี จากเดิม 42 ปีรวมเป็น 48 ปี พร้อมสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ค่าเสียหายให้กระทรวงการคลังรวมกว่า 16,912 ล้านบาท
แต่เอาเข้าจริง “บุญทรง” ติดคุกเพียง 7 ปี 3 เดือน 10 วันเท่านั้น เหลือโทษเพียง 3 ปี 4 เดือน 20 วัน เหตุเพราะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดวันต้องโทษมาโดยตลอด เหลือโทษจำคุก 10 ปี ระหว่างนั้น บุญทรง มีอาการป่วยต้องอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ต้องติดกำไล EM และอยู่ภายใต้การควบคุมของกรมคุมประพฤติอีก 3 ปี 5 เดือน หรือจนถึงวันที่ 21 เม.ย. 2571
อ่านข่าว “บุญทรง” ปรากฏตัวครั้งแรกหลังพักโทษ รายงานตัวคุมประพฤติเชียงใหม่
ส่วน “ภูมิ” ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 36 ปี แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดวันต้องโทษในช่วงต้นปี พ.ศ. 2564 เหลือโทษจำคุก 12 ปี และได้รับพระราชทานอภัยโทษอีกครั้งในวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ.2564 เหลือโทษจำคุก 8 ปี และจะพ้นโทษใน 25 ส.ค.2568
สำหรับ “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ คีย์แมนสำคัญในคดีทุจริตจำนำข้าว ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 3 คดี โดยคดีทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี ถูกตัดสินลงโทษเป็นระยะเวลากว่า 48 ปี สร้างความเสียหายให้แก่รัฐกว่า 9 แสนล้านบาทได้ถูกปล่อยตัวออกมาอย่างเงียบเชียบ ตั้งแต่เดือนต.ค.
โดยกรมราชทัณฑ์ระบุว่า “เสี่ยเปี๋ยง” ได้รับพักโทษในแบบกรณีพิเศษ มีอายุเกิน 70 ปี และมีโรคป่วยร้ายแรง 7 โรค โดยเฉพาะโรคไตวายเรื้อรัง มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต หากอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เข้ากลุ่มผู้ป่วย 608 ซึ่งต้องอยู่ในกระบวนการรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งมีผู้อุปการะเป็นหลักแหล่ง
อ่านข่าว "ราชทัณฑ์" ชี้แจง กรณีพักโทษ "บุญทรง"
โดยการพิจารณาความเห็นของคณะอนุกรรมการมีความเห็นชอบ 8 :0 ในการพักโทษ ”เสี่ยเปี๋ยง“ นอกจากนี้ ถือว่าเป็นนักโทษชั้นดี ได้รับอภัยโทษ 5 ครั้ง แต่เข้าเกณฑ์พักโทษกรณีเจ็บป่วยร้ายแรง โดยเป็นผู้ต้องขังรายแรกที่เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต แต่ยังมีคดีบ้านเอื้ออาทรอีก ทำให้ต้องถูกอายัดคดีและอยู่ในการเกณฑ์พักโทษ
แม้สังคมจะมีคำถามมากมาย สำหรับคดีทุจริตคอร์รัปชันที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติมูลค่ามหาศาล แต่ด้วยช่องว่างของกฎหมายที่เปิดไว้ จึงทำให้อดีตนักโทษในคดีเหล่านี้ได้ออกจากเรือนจำแบบอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าศาลจะตัดสินจำคุกเป็นเวลานานเพียงใดก็ตาม จึงสร้างความคาใจต่อสังคมไม่น้อย
ช่วงบ่ายวันนี้ (6 ธ.ค.2567) “วัชระ เพชรทอง” อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีที่กรมราชทัณฑ์ปล่อยตัว “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ ออกจากเรือนจำ ทั้งๆ ที่ถูกศาลตัดสินให้จำคุก 48 ปี แต่แค่ 7 ปีก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว
“สงสัยว่ากรมราชทัณฑ์ปล่อยตัว เสี่ยเปี๋ยง ได้อย่างไร เพราะกำหนดพ้นโทษในวันที่ 27 ก.ค.2577 ถึงแม้จะพ้นคุกแต่ทำไมถึงปล่อยตัวอย่างรวดเร็วและปล่อยตัวก่อนนายบุญทรง และนายภูมิ ถือเป็นการทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม และเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมและทำให้คำพิพากษาของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไร้ความหมาย ไม่ต่างกับเศษกระดาษแผ่นหนึ่ง เหมือนกรมราชทัณฑ์ มีอำนาจเหนือตุลาการทุกศาล และเป็นการทำให้ฝ่ายบริหารซึ่งเป็นฝ่ายการเมืองมาแทรกแซงอำนาจของฝ่ายตุลาการ ซึ่งผิดหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย” วัชระ กล่าว
แม้อดีตผู้ต้องหาทั้งหมดจะได้รับการพักโทษออกมาแล้ว แต่ก็ยังมีการตั้งคำถามอีกว่า ทั้ง “เสี่ยเปี๋ยง” บุญทรง และภูมิ ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามคำพิพากษาศาลแล้วหรือยัง
และที่สำคัญมีการนำเสนอประเด็นนี้ ให้คณะอนุกรรมการพักโทษให้พิจารณาหรือไม่ หรือมองว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ และแม้การยึดอายัดทรัพย์ในคดีดังกล่าวจะอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ง. แต่ต้องไม่ลืมว่า ประเทศชาติได้รับความเสียหาย และเงินที่ต้องชดใช้คืน คือ ภาษีของคนทั้งประเทศ
อ่านข่าวอื่นๆ
"กองทัพเมินการเมือง" บทเรียนอัยการศึก "ยุน ซอก-ยอล" ไร้ผล
ภาพแรก 4 ลูกเรือประมงไทย-ขั้นตอนรับตัวหลังเมียนมาปล่อยตัว