วันนี้ (9 ธ.ค.2567) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงสถานการณ์ในซีเรีย ว่า บาชาร์ อัล-อัสซาด อดีตประธานาธิบดีซีเรียจะต้องรับผิดชอบกับการกระทำที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสหรัฐฯ พร้อมจะสนับสนุนประเทศข้างเคียงของซีเรียในระหว่างช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการกลับมาเคลื่อนไหวของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังไม่ยกเลิกหมายจับ อาบู โมฮัมเหม็ด อาล-จอลานี ผู้นำกลุ่มฮายาต ตาห์รีร์ อาล-ชาม หรือ HTS ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มต่อต้านที่นำทัพกบฏโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย หลังจากที่ อาล-จอลานี ถูกตั้งค่าหัวโดยทางการสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2013 เป็นเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 330 ล้านบาท เนื่องจากมีส่วนในการก่อการร้ายและสังหารประชาชนในช่วงก่อนหน้านี้
อ่านข่าว : "บาชาร์ อัล-อัสซาด" ลาออก ปธน.ซีเรีย ลี้ภัยในรัสเซีย
ส่วนสถานการณ์บริเวณชายแดนซีเรียฝั่งที่ติดกับอิสราเอล มีรายงานว่า รถถังและรถหุ้มเกราะของกองทัพอิสราเอลเคลื่อนกำลังผ่านรั้วกั้นชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น และประจำการอยู่บริเวณเขตกันชนในที่ราบสูงโกลัน
รถหุ้มเกราะของกองทัพอิสราเอล เคลื่อนกำลังผ่านรั้วกั้นชายแดนซีเรีย เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2024 และประจำการบริเวณเขตที่ราบสูงโกลัน
ขณะเดียวกันมีรายงานเหตุระเบิดที่คาดว่าเป็นการโจมตีทางอากาศ เกิดขึ้นหลายครั้งภายในกรุงดามัสกัสของซีเรีย โดยไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด แต่กองทัพอิสราเอลยังไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้
ความพ่ายแพ้ของกองกำลังฝ่ายรัฐบาลซีเรีย สร้างความประหลาดใจอย่างมากต่อพันธมิตรสำคัญอย่างอิหร่าน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า อิหร่านติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด แต่ไม่คาดคิดว่ากองทัพซีเรียจะไม่สามารถต้านทานกลุ่มต่อต้านได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลซีเรียไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากอิหร่าน
ขณะที่กองกำลังของกลุ่มต่อต้านได้ปลดปล่อยผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำแห่งหนึ่งของซีเรีย หลังจากสามารถเข้ายึดกรุงดามัสกัสและโค่นล้มรัฐบาลได้สำเร็จ ซึ่งผู้ที่ได้รับอิสรภาพต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
อ่านข่าว