สธ.ห่วงผู้ป่วยฉุกเฉิน สั่งสปสช.อนุมัติค่ายานพาหนะ-ฮ.-แพขนานยนต์-รถยนต์ส่งต่อคนไข้
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมทั้งประเทศ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ภาคกลางที่ท่วมหนักในขณะนี้ มีความเป็นห่วงเรื่องที่หน่วยบริการต้องส่งต่อผู้ป่วย จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงได้มอบหมายให้สปสช. จัดระบบส่งต่อผู้ป่วยในเขตน้ำท่วมให้สามารถส่งต่อได้สะดวกทุกโรงพยาบาล หากมีความจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยไปรพ.ที่มีศักยภาพมากกว่า ก็ให้ดำเนินการได้ไม่ว่าจะต้องใช้บริการทางเรือ ทางอากาศ หรือรถยนต์ก็ตาม ให้เร่งจัดการได้เลยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายพาหนะในการส่งต่อ เนื่องจากสปสช.สามารถจัดการได้เพราะมีระเบียบรองรับอยู่แล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า สำหรับ การเบิกจ่ายค่าพาหนะในการรับส่งต่อผู้ป่วยจากต้นทางถึงปลายทางทั้งการใช้ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ หรือพาหนะอื่นใดที่ได้รับการออกแบบ เพื่อการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างการเคลื่อนย้ายหรือเดินทางนั้น ใช้อัตราการส่งต่อผู้ป่วย ดังนี้
ค่าเฮลิคอปเตอร์ ไม่เกิน 60,000 บาทต่อครั้งตามระยะเวลาในการบินและรัศมีในการบิน, อัตราค่าเรือ /แพขนานยนต์ ไม่เกิน 35,000 (ตามระยะทางและประเภทของเครื่องยนต์) ค่ารถยนต์ที่รพ.ส่งต่อไปยังรพ.ที่สามารถให้การดูแลรักษาได้ให้เบิกจ่ายในอัตราไม่เกิน 50 กิโลเมตร ให้เบิกจ่ายตามจริงในอัตราไม่เกิน 500 บาท หรือมากกว่า 50 กิโลเมตรจะได้รับการชดเชยเพิ่มกิโลเมตรละ 4 บาท ซึ่งกรณีการใช้เฮลิปคอปเตอร์นั้น เน้นการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤติและเร่งด่วน จากหน่วยบริการไปยังหน่วยบริการที่มีศักยภาพที่เหมาะสม
ขณะนี้ ประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมประสบปัญหาในเรื่องเจ็บป่วย และเครียดจากเหตุการณ์น้ำท่วมจำนวนมาก ซึ่งประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพหรือ 30 บาทรักษาทุกโรคที่ประสบอุทกภัยนั้น สามารถเข้ารับบริการด้านสาธารณสุข จากหน่วยบริการใดก็ได้ที่อยู่ใกล้ โดยไม่ต้องไปรับบริการที่หน่วยบริการประจำก่อนและหน่วยบริการก็จะไม่เรียกเก็บค่าบริการจากประชาชน หากมีความจำเป็นก็ให้ทางหน่วยบริการดำเนินการได้ เพราะเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อเป็นการช่วยเหลือเร่งด่วน” นายวิทยากล่าว และว่า ขณะเดียวกันทางด้านหน่วยบริการที่ให้บริการประชาชนที่ประสบอุทกภัยแล้ว สามารถเรียกเก็บค่าบริการตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายกรณีอุบัติเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้
นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสปสช. กล่าวต่อว่า รพ.ที่รับรักษาประชาชนนั้น ให้ดำเนินการตามกระบวนการเบิกจ่ายมาที่ สปสช.ตามปกติ ซึ่งหน่วยบริการทุกแห่งจะได้รับการเบิกจ่ายตามอัตราที่กำหนด โดยสปสช.ได้จัดเตรียมงบประมาณในส่วนนี้ไว้แล้ว และจะเร่งรัดการดำเนินการตามกระบวนการเบิกจ่ายนี้ให้รวดเร็วขึ้นเพื่อให้รพ.ได้รับเงินเร็วขึ้นอันจะทำให้รพ.มีสภาพคล่องในภาวะวิกฤติที่ดีขึ้น ขณะที่รพ.นอกสังกัดในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เช่น รพ.เอกชน แต่มีประชาชนที่ประสบอุทกภัยใช้บริการและเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถเข้าไปใช้บริการด้วยสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก็ขอให้ดำเนินการรักษาตามกระบวนการ และส่งเรื่องเบิกจ่ายมาที่สปสช.ได้ ซึ่งสปสช.ยืนยันและให้ความมั่นใจว่าทุกรพ.จะได้รับเงินชดเชยการรักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินอย่างแน่นอน