ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ
ติดตาม Thai PBS

"หมอยง" ชี้โนโรไวรัสไม่ใช่โรคใหม่ ระบาดในฤดูหนาว ชี้ยังไม่มีวัคซีน

สังคม
20 ธ.ค. 67
12:32
8
Logo Thai PBS
"หมอยง" ชี้โนโรไวรัสไม่ใช่โรคใหม่ ระบาดในฤดูหนาว ชี้ยังไม่มีวัคซีน
"ศ.นพ.ยง" ระบุ โนโรไวรัส ไม่ใช่เชื้อใหม่ โรคนี้มีมานานร่วม 50 ปี มักระบาดในช่วงฤดูหนาว ไม่ควรตื่นตระหนกกังวล ชี้คิดค้นวัคซีนป้องกันโอกาสเป็นไปได้น้อย

วันนี้ (20 ธ.ค.2567) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงการแพร่ระบาดของเชื้อโนโรไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันโดยเฉพาะในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ว่า

โนโรไวรัส ไม่ใช่โรคใหม่ ซึ่งโรคนี้รู้จักมาร่วม 50 ปี และอยู่กับคนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่เมื่อก่อนไม่ได้มีการพูดถึงหรือรู้จักเพราะไม่ได้มีการวินิจฉัย ซึ่งการตรวจวินิจฉัยไวรัสเป็นเรื่องยาก ส่วนใหญ่จะมีการวินิจฉัยแบคทีเรียเป็นหลัก มาในช่วงไม่กี่ปีมานี้มีการวินิจฉัยทางชีวโมเลกุลทำได้ง่ายขึ้น รวมทั้งมีการตรวจพัฒนาวิธีการตรวจวินิจฉัยเหมือนกับการตรวจแบบ ATK ตรวจโควิด ทำให้มีการพูดถึงกันมากขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นโรคเชื้อที่พบได้บ่อยทั่วโลกโดยเฉพาะในฤดูหนาว และการอาศัยเป็นกลุ่มก้อน เป็นโรคอยู่ประจำถิ่นเกือบทุกประเทศรวมถึงประเทศไทย แต่เมื่อมีการปล่อยข่าวเรื่องการระบาดทำให้เกิดความกังวล

แต่เดิมการระบาดที่มีการท้องเสีย อาเจียนกันทั้งโรงเรียน อาจจะเป็นโนโรไวรัส แต่ไม่ได้รับการวินิจฉัย

ทั้งนี้สาเหตุหลักของอาการท้องเสียในประเทศไทย อันดับ 1 มาจากเชื้อโนโรไวรัส ไม่ใช่ซาลโมเนลลา หรือ อีโคไล เพราะ 2 โรคนี้จะพบในประเทศที่มีระบบสาธารณสุขไม่ดี 

การระบาดของโนโรไวรัสที่ค่อนข้างรุนแรงในปี 2017 และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็มีการะบาดน้อยลง เพราะได้มีการป้องกัน ล้างมือ และตั้งแต่ปี 2023 จำนวนผู้ป่วยจากโนโรไวรัสที่ทางศูนย์ฯ ได้มีการวินิจฉัยค่อนข้างจะเยอะ และในสำหรับปีนี้ก็มีจำนวนมากเช่นกัน

ศ.นพ.ยง ยังระบุว่า โรคโนโรไวรัส มีความหลากหลายทางพันธุกรรมและมีการผสมข้ามสายพันธุ์ย่อยอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดพันธุ์ใหม่เรื่อยๆ และแต่ละปีจะมีการสลับสายพันธุ์เรื่อยๆ การหาสายพันธุ์สำหรับการทำวัคซีนป้องกันจึงเป็นเรื่องยาก ซึ่งหากเปรียบเทียบความรุนแรงของโรค กับความที่ต้องลงทุนคิดค้นวัคซีน ก็จะไม่มีความคุ้มค่า โอกาสที่จะมีวัคซีนป้องกันเป็นไปได้น้อย และในเร็วๆ นี้น่าจะยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

สำหรับความแตกต่างระหว่างโรต้าไวรัส และ โนโรไวรัส ทำให้เกิดอาการท้องเสียคล้ายๆ กัน แต่โรต้าไวรัสโอกาสมีไข้ ในเด็กเล็กมากกว่า โรต้าไวรัส แต่เดิมพบมากในเด็ก 1-2 ขวบแรก และการติดเชื้อโรต้าติดเชื้อครั้งแรกจะรุนแรง และติดซ้ำได้ความรุนแรงก็จะน้อยลง จนกว่าจะเปลี่ยนสายพันธุ์โรต้าไวรัสมากๆ ถึงจะพบในผู้ใหญ่ ซึ่งทั่วโลกเสียชีวิต 2 แสนคน/ปี แต่ประเทศไทยมีโอกาสเสียชีวิตแทนจะไม่มี จนทำให้มีการคิดค้นวัคซีนขึ้นมา ซึ่งประเทศไทยก็เป็นวัคซีนภาคบังคับที่ต้องให้กับเด็กเล็ก

อ่านข่าว : 

กรมอนามัยยัน "โนโรไวรัส" ระบาดในระยองเป็น "ข่าวปลอม"

โนโรไวรัสระบาดหนัก! สั่งปิด รร.ในจีน หลัง นร.-เด็กเล็กป่วยนับสิบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง