วันนี้ (2 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีปรากฏข่าวการจัดอบรมนักศึกษาชาวจีนเพื่อเป็นอาสาสมัครตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้ สส.พรรคประชาชน ได้โพสต์ตั้งคำถามถึงกรณีดังกล่าว
พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 เปิดเผยว่า ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว จากการสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นทราบว่า พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ช่วงวงศ์ รองผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เป็นบุคคลที่ปรากฏในภาพข่าว โดยได้รับการประสานจากมหาวิทยาลัยสยาม ให้ไปเป็นวิทยากรตามหลักสูตรแจ้งข่าวอาชญากรรม ให้ความรู้ในการป้องกันตัวเองแก่นักศึกษาต่างชาติ
มหาวิทยาลัยเป็นผู้ดำเนินการจัดอบรบ หลังจากขอความร่วมมือจากผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เป็นที่ปรึกษา แนะนำให้ความรู้ จึงได้มอบหมายให้นายตำรวจคนดังกล่าวเป็นตัวแทนไปเป็นวิทยากร โดยใช้งบประมาณและสถานที่ตามที่มหาวิทยาลัยสยามกำหนด ลงวันที่ 12 ธ.ค.2567 มีผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ มหาวิทยาลัยสยาม เป็นผู้ลงนาม
อ่านข่าว : สส.พรรคประชาชน โพสต์สงสัยคอร์สอบรมคนจีนเป็นอาสาตำรวจ
สำหรับการสมัครเป็นอาสาตำรวจ ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การสมัครเป็นอาสาตำรวจเกี่ยวกับเรื่องการส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชนท้องถิ่นและองค์กรมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ.2551 หากกรณีที่เป็นประชาชนสมัครเป็นอาสาตำรวจบ้านหรืออาสาจราจร ตำรวจจะเป็นผู้จัดฝึกอบรมเอง ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุณสมบัติต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป หรือหากเป็นกรณีที่เป็นบุคคลต่างด้าว ต้องมีคู่สมรสเป็นชาวไทยหรือมีถิ่นพำนักอยู่ในท้องที่ที่สถานีตำรวจจัดอบรม และมีผู้รับรอง 3 คนขึ้นไป โดยปฏิบัติหน้าที่ได้คราวละ 2 ปี
พล.ต.ต.เกียรติกุล ย้ำว่า โครงการอบรมดังกล่าว มหาวิทยาลัยสยามเป็นผู้จัดอบรม ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดและมีการออกใบประกาศเกียรติคุณให้กับผู้เข้าอบรมชุดแรก เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2567 เป็นสมาชิกแจ้งเหตุ ข่าวอาชญากรรมและการจราจร และยืนยันว่ากองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ไม่ได้เป็นผู้จัดอบรมแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการลงชื่อของผู้กำกับสืบสวนหรือการนำสัญลักษณ์ต่างๆ ไปใช้ กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเป็นความผิดทางวินัยหรือผิดกฎหมายส่วนใดบ้าง
ส่วนกรณีที่มีคลิปปรากฏชาวจีนโฆษณาชักชวนให้เสียเงินเข้าสมัครในการอบรมดังกล่าวนั้น ตำรวจจะตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนก่อนว่ามีการกระทำผิดในหน่วยใด หากตรวจสอบพบว่ากระทำความผิด การดำเนินคดีจะอยู่ในความรับผิดชอบของพื้นที่ที่มีการจัดอบรม ส่วนคำให้การของตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะเร่งรัดตรวจสอบอย่างเร็วที่สุด
ขณะที่ พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร ชี้แจงกรณีภาพที่ปรากฏเสื้อของ สน.สุทธิสาร เผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ว่า ตำรวจ สน.สุทธิสาร ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับหลักสูตรอบรมดังกล่าว ส่วนภาพที่ปรากฏตามสื่อยังไม่ทราบรายละเอียดว่ามีตำรวจในสังกัดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่การตรวจสอบเบื้องต้น พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ที่เป็นวิทยากรในหลักสูตรอบรม เคยรับตำแหน่งรองผู้กำกับการจราจร สน.สุทธิสาร เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก่อนโยกย้ายตำแหน่งไปรับผิดชอบเป็นรองผู้กำกับฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
CIB ชี้แจงประเด็นแอบอ้างตราสัญลักษณ์
ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ชี้แจงกรณีผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรดังกล่าว จะรับใบรับรอง ซึ่งมีอายุ 2 ปี พร้อมได้รับ หมวก, เสื้อยืด, เสื้อกั๊กตำรวจ, เสื้อสะท้อนแสง, ใบรับรอง, และบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ โดยในส่วนของตารางกิจกรรมปรากฏ “ตราสัญลักษณ์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” พร้อมกับ ชื่อ “CIB” นั้น
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอชี้แจงว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอบรมอาสาตำรวจในกรณีดังกล่าว แต่อย่างใด ทั้งนี้ผู้จัดการอบรม มิได้มีการขอใช้ “ตราสัญลักษณ์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” มายังหน่วยงานผู้รับผิดชอบแต่อย่างใด
อ่านข่าว
“สจ.จอย-ทนาย” ให้ปากคำ ตร.กองปราบฯ เพิ่มคดียิง “สจ.โต้ง”
ร้อง “โรงแรมดัง” ติดเขาใหญ่ จุดพลุปีใหม่ หวั่นกระทบสัตว์ป่า
ด.ช. 1 ขวบถูกระเบิดปิงปองเคานต์ดาวน์ปอดช้ำใน ส่งต่อ รพ.ตรัง