วันนี้ (31 ม.ค.2568 ) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผย ภายหลังการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งในการประชุมมีการพูดถึงการแก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดน ซึ่งได้เห็นชอบพร้อมวางกรอบแนวทางการช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยธรรมให้กลุ่มเปราะบางตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ใน 2 ประเด็น
เรื่องแรกเกี่ยวข้องกับเรื่องสาธารณสุข เพราะปัญหานี้มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย อย่างที่ทราบกันก่อนหน้านี้มีการแพร่ระบาดของโรคบางประเภท (อหิวาตกโรค) หากมีความร่วมมือและให้การช่วยเหลือดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ เช่นกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะชาวเมียนมาที่ติดโรคต่างๆเหล่านี้ จะสามารถทำให้เราควบคุมโรคให้อยู่ในขอบเขตได้ และไม่กระทบต่อชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดน
เรื่องที่ 2 คือ การศึกษาที่ต้อง ใช้โอกาสการช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนมนุษยธรรมที่ต้องให้การศึกษากับกลุ่มเปราะบาง ไม่ว่าเยาวชน หรือ เด็กชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ให้เข้าถึงการศึกษาที่ดีมีมาตรฐาน ซึ่งจะถือว่าเป็นการแสดงบทบาทของประเทศไทยในเรื่องการช่วยเหลือในด้านสิทธิมนุษยธรรม
ส่วนนโยบายการตัดงบช่วยเหลือตามนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา จะประสานกับอาเซียนหาเงินช่วยเหลือมาทดแทนหรือไม่ นายมาริษ ระบุว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกัน แต่รายละเอียดจะขอชี้แจงภายหลังอีกครั้ง
แต่ยืนยันว่า เราต้องมีการช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน เช่น 2 เรื่องที่กล่าวมาให้เห็นผลได้อย่างชัดเจน จากนั้นจะต้องหาแหล่งการช่วยเหลือ อาทิ องค์กรระหว่างประเทศ เพราะเมื่อเราได้รับการยอมรับจากองค์กรระหว่างประเทศแล้ว จะสามารถมาแบ่งเบาภาระจากประเทศไทย ในเรื่องของงบประมาณ และจะแสดงให้เห็นถึงบทบาทของประเทศไทยในเรื่องการช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยธรรมตามกรอบสหประชาชาติ (UN) ทำให้เกิดคุณและมีพลังสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้น
อ่านข่าว : สหรัฐฯตัดงบฯช่วยเหลือ 7 รพ.พื้นที่พักพิงฯ ชายแดนไทย-เมียนมา ปิดตัว
"ภูมิธรรม" ยันยึดมนุษยธรรมโต้กลับ "กัณวีร์" อุ้มผู้ลี้ภัยไหวมั้ย
ศาลขวาง "ทรัมป์" ปมสั่งระงับงบฯ สภาคองเกรส เลื่อนมีผล 3 ก.พ.นี้