ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จ่อชง รมว.ศธ.เคาะเลื่อนปิดภาคเรียนที่ 1 เร็วขึ้นเป็น 30 ก.ย.

สังคม
4 ก.พ. 68
17:23
0
Logo Thai PBS
จ่อชง รมว.ศธ.เคาะเลื่อนปิดภาคเรียนที่ 1 เร็วขึ้นเป็น 30 ก.ย.
สพฐ.เห็นชอบเลื่อนปิดภาคเรียนที่ 1 เร็วขึ้น เป็น 30 ก.ย.จากเดิม 11 ต.ค. แต่เปิดภาคเรียนเหมือนเดิม 16 พ.ค. สอดคล้องปีงบฯ-การโอนย้ายครู เร่งศึกษาระเบียบอย่างรอบคอบ ก่อนเสนอ รมว.ศธ.พิจารณา

วันที่ 4 ก.พ.2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 5/2568 โดยนำข้อสั่งการของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมได้หารือประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น ภาพรวมของการสอบ O-NET ระดับชั้น ป.6 และ ม.3 ปีการศึกษา 2567 เมื่อวันที่ 2-3 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่ง รมว.ศธ. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสนามสอบโรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. ได้ลงพื้นที่เยี่ยมสนามสอบโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ พบว่าการสอบในครั้งนี้ มีนักเรียนชั้น ป.6 สังกัด สพฐ. สมัครเข้าสอบถึง 476,640 คน คิดเป็นร้อยละ 91.37 และนักเรียนชั้น ม.3 สังกัด สพฐ. สมัครเข้าสอบ 424,506 คน คิดเป็นร้อยละ 81.51 ซึ่งการสอบดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย หลังจากนี้ก็จะนำผลการสอบไปพัฒนาการศึกษาในภาพรวมต่อไป

สำหรับความคืบหน้าการเลื่อนเปิด-ปิดภาคเรียน หลังจากการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวันที่ 2 ม.ค.2568 ทาง สพฐ. ได้เสนอให้เลื่อนการปิดภาคเรียนที่ 1 จากเดิมวันที่ 11 ต.ค. เป็นวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งจะมีประโยชน์หลายประการ เช่น สอดคล้องกับปีงบประมาณ การบริหารอัตรากำลังครู-ผู้บริหารโรงเรียน และการจัดสรรงบประมาณต่าง ๆ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ

แต่ในส่วนของการเปิดภาคเรียนที่ 1 จะยังคงเป็นวันที่ 16 พ.ค. เพื่อสอดคล้องกับการนับอายุเด็ก ส่วนภาคเรียนที่ 2 ยังคงเหมือนเดิม คือ เปิดวันที่ 1 พ.ย. และปิดวันที่ 31 มี.ค.ของปีถัดไป ทั้งนี้ กำลังศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนต่าง ๆ ทั้งระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรอบคอบมากที่สุด เพื่อจะได้นำเสนอ รมว.ศธ. ให้พิจารณาต่อไป

นอกจากนี้ ได้กำชับโรงเรียนให้ดูแลเรื่องการตัดเกรดนักเรียนในกลุ่ม 0, ร, มส โดย สพฐ. ได้ออกหนังสือเรื่องซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้และการสอนซ่อมเสริม เพื่อเน้นย้ำให้สถานศึกษากำกับ ติดตาม ช่วยเหลือ สอนซ่อมเสริม และดำเนินการวัด และประเมินผลการเรียน กรณีนักเรียนมีผลการเรียนไม่สมบูรณ์ (ติด 0 ร มส) ให้ทุกเขตพื้นที่ดำเนินการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างภาระให้นักเรียนและผู้ปกครอง

ส่วนคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการ "พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง" หรือ OBEC Zero Dropout ที่ทุกเขตพื้นที่ 245 เขตได้ติดตามนักเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษา ทั้งเด็กตกหล่นและเด็กที่ออกกลางคัน โดยกำหนดให้ทุกเขตพื้นที่ต้องติดตามเด็กให้ครบ 100% ภายในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ขณะนี้มี 138 เขตที่ติดตามเด็กตกหล่นได้ครบแล้ว และอีก 208 เขตติดตามเด็กออกกลางคันสำเร็จแล้ว 100%

ส่วนในเรื่องของการขับเคลื่อนโครงการ "1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ" จากการลงพื้นที่บุรีรัมย์และสุรินทร์ ได้เก็บข้อมูลที่มีประโยชน์และตัวอย่างความสำเร็จในพื้นที่ ซึ่งการดำเนินการต่อไปจะมีหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน และภาคประชาสังคม มาร่วมเป็นภาคีเครือข่าย (Partnership) กับโรงเรียน เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพโรงเรียน โดยตั้งเป้าหมายให้ขยายผลไปครบทั้ง 77 จังหวัด

ขณะที่การเฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 สพฐ.ยังคงกำชับเขตพื้นที่และโรงเรียนทุกแห่งให้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นอย่างใกล้ชิด หากพบว่าเป็นพื้นที่สีส้มหรือพื้นที่สีแดงที่อยู่ในขั้นอันตราย สามารถสั่งปิดโรงเรียนได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตจาก สพฐ. โดยเน้นความปลอดภัยของนักเรียนเป็นหลัก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง