วันนี้ (5 ก.พ.2568) นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธานคณะกรรมาธิการ การปกครอง เป็นประธานการประชุมในเรื่องที่เกี่ยวกับการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าข้ามพรมแดนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กระทรวงการต่างประเทศ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเข้าชี้แจง
โดยกรรมาธิการมีข้อซักถามในหลายประเด็น ข้อกังวลว่า จะเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว และสอบถามเรื่องมาตรการอื่น เช่น การจำกัดการส่งน้ำมันเชื้อเพลิง และการตัดสัญญาณโทรคมนาคม
นายไผท สิทธิสุนทร ผู้แทน สมช. ชี้แจงผลประชุม สมช.เมื่อวานนี้ ซึ่งมีมติตัดไฟฟ้า 5 จุด และจะดำเนินการต่อเนื่องในจุดอื่นๆ ไม่ใช่แค่ 5 จุดนี้ เพื่อเร่งสกัดขบวนการคอลเซ็นเตอร์ และการก่ออาชญากรรมชายแดน
รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่การตัดไฟ อินเทอร์เน็ต และจำกัดการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง แต่จะคุมเข้มท่าข้ามต่าง ๆ ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา
ผู้แทน สมช.ระบุว่า มติของ สมช. นอกจากเร่งการตัดไฟ ยังดำเนินการเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงและโทรคมนาคม โดย สมช.ส่งหนังสือไปยังกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน จะดำเนินการโดยเร็ว แต่เริ่มต้นที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเนื่องจากเป็นประเด็นมานานแล้ว
ทั้งนี้ สมช.ยังจะดำเนินการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ ไม่ใช่เฉพาะเมียนมา
สมช.จะผลักดันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับปัญหาทุจริต และจะปรับการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคงในเชิงรุก
ขณะที่นายคมกฤช จองบุญวัฒนา ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้ง เรื่องมติของ สมช. กับทางการเมียนมา ผ่านสถานทูตเมียนมาไปแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนเวลาเที่ยงคืนเล็กน้อย
เราแจ้งไป 2 เรื่องคือ การระงับการใช้ไฟเช้านี้ การระงับสัญญาณโทรคมนาคม และการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ทางการเมียนมา เตรียมตัวล่วงหน้าไม่ให้การตัดสาธารณูปโภคต่าง ๆ กระทบกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย และคำนึงถึงความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลไทยเมียนมา
หลังเกิดเหตุการณ์นักแสดงชาวจีนถูกล่อลวงจับตัวไปนั้น รัฐบาลเมียนมาที่เนปิดอร์ มีท่าทีพยายามแก้ไขปัญหานี้ และได้ช่วยเหลือผู้ที่ถูกหลอกเข้าไปในพื้นที่ และส่งกลับไปประเทศต้นทางแล้ว หลายพันคน โดยมีคณะกรรมการระดับชาติ ที่แก้ปัญหาเรื่องนี้
แต่ปัญหาต่าง ๆ ยังคงอยู่จากปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลของชนกลุ่มน้อย และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ก็มาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็แสดงให้เห็นถึงท่าทีทางเมียนมาว่า ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้ และพร้อมจะร่วมมือกับไทยยกระดับแก้ปัญหา
ยืนยันว่า ระดับรัฐบาลไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ สำหรับชายแดนด้านอื่นๆกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการร่วมมือกับประเทศลาว และกัมพูชา มาโดยตลอด
ปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะกับไทย แต่ยังกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งทั้งลาว กัมพูชา และเมียนมา ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ล่าสุดกัมพูชาได้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติมาดูแลปัญหานี้แล้ว
พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาได้ประสานงานแจ้งกับทางเมียนมา มาโดยตลอดในเรื่องของการแก้ไขปัญหาขบวนการคอลเซนเตอร์ให้เบ็ดเสร็จ และยั่งยืน
ขณะที่ผู้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ชี้แจงว่า เป็นหน่วยงานปฏิบัติที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนประเด็นการซื้อขายไฟระหว่างประเทศ ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดำเนินการภายใต้มติคณะรัฐมนตรี รูปแบบดำเนินการเป็นแบบรัฐต่อรัฐ หรือเป็นผู้ได้รับสัมปทานจากประเทศนั้น ๆ
การซื้อขายไฟในกลุ่มของประเทศเมียนมา เดิมมีอยู่ 8 จุด แต่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค งดจ่ายไฟไปแล้ว 3 จุด คือที่แม่สอด 2 จุด และเชียงรายอีก 1 จุด โดยพื้นที่แม่สอด ที่งดจ่ายไฟไป 2 จุด เนื่องจากมีการแจ้งเรื่องคู่สัญญาหมดสิทธิ์สัมปทาน ส่วนอีกหนึ่งจุดเนื่องจากคู่สัญญาผิดสัญญาในเรื่องของการค้างค่าไฟฟ้า
ส่วน 5 จุดที่เหลือนั้น บทบาทของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นหน่วยงานปฏิบัติ ทั้งนี้สืบเนื่องจากสัญญาระบุว่าให้รัฐสั่งการมายังหน่วยงานคือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการตัดไฟได้ หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะประเมินเพื่อตัดไฟได้เอง
แต่ในประเด็นความมั่นคงมีความซับซ้อนและมีมิติหลายด้านนอกเหนือจากขอบเขตที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะสามารถวิเคราะห์ได้เพียงหน่วยงานเดียวได้สิ่งต้องสอบถามจากหน่วยงานต่างๆ
อ่านข่าว :