ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"บิ๊กโจ๊ก" ลุ้นผลสอบวินัย อยู่หรือไป "หายใจ" ติดขัด

อาชญากรรม
20 ก.พ. 68
11:02
1,574
Logo Thai PBS
"บิ๊กโจ๊ก" ลุ้นผลสอบวินัย อยู่หรือไป "หายใจ" ติดขัด

ลุ้นไม่เลิกลา วันนี้ (20 ก.พ. 2568) "บิ๊กโจ๊ก" ยังต้องรออีกว่า ผลการสอบสวนวินัย จะออกมาในทิศทางใด หากผิดร้ายแรง หนักสุด โทษถึงขั้นไล่ออกและถูกพิจารณาถอดยศ "พล.ต.อ." เลยทีเดียว

เป็นเวลา 270 วัน ตามกรอบระยะเวลา สำหรับการสอบสวนวินัย "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อม "คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน" โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็นผู้ลงนาม ในคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่177/2567,178/2567 เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 67 ซึ่งขณะนั้นใช้อำนาจ ในฐานะ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

คณะกรรมการ ที่ทำการสอบสวน ถูกแต่งตั้งขึ้นมารวม 14 นาย โดยมี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตำแหน่งในขณะนั้น เป็นประธานกรรมการ ภายหลังได้เกษียณอายุราชการไปเมื่อเดือนกันยายน 2567 และมี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ รับช่วงต่อ

สาระสำคัญ ที่พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง คือ คดีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษในท้องที่ สน.เตาปูน ให้ดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ รวม 22 คน ในความผิดฐาน "ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน"

พนักงานสอบสวน ได้สืบสวนสอบสวนจนพบเครือข่ายเจ้าของเว็บพนันฯ และพบเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับข้าราชการตำรวจหลายนาย รวมถึง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จนเป็นเหตุให้ศาลออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในวันที่ 2 เม.ย.67

แรงสุด "ไล่ออก-ถอดยศ" ขยายเวลาได้อีก 90 วัน

การประชุมสรุปผลการพิจารณา หากยังไม่ได้ข้อสรุปสามารถเสนอให้ ผบ.ตร. ขยายกรอบระยะเวลาสอบสวนเพิ่มเติมได้อีก 90 วัน

ส่วนผลการพิจารณา มี 3 แนวทาง

ทางแรก "ไม่ผิดวินัย" จะส่งผลให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กลับเข้ารับราชการได้ตามเดิม ในตำแหน่งเดิม นั่นก็คือ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ที่เหลืออายุราชการอีก 5 ปี

แม้ว่า อาจจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ แต่ก็คงเป็นการกลับมาที่ไม่น่าจะรื่นรมย์นัก

แนวทางที่ 2 หากพิจารณาแล้วพบว่า ผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง จะถูกลงโทษภาคทัณฑ์ อาทิ กักยาม กักขัง หรือตัดเงินเดือนตามสมควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนำมาประกอบกาพิจารณาลดโทษก็ได้ และสามารถกลับเข้ารับราชการได้เช่นเดียวกับทางแรก

แม้จะไม่ร้ายแรง แต่ก็ถือว่าผิดวินัย การกลับมาในฐานะ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงไม่อาจรับประกันได้เลยว่า จะสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นและศรัทธาจากเหล่าข้าราชการตำรวจกว่า 200,000 นาย ได้มากน้อยเพียงใด

แนวทางที่ 3 หากผลการพิจารณา ชี้ว่า ผิดวินัยร้ายแรง ผบ.ตร. คือผู้มีอำนาจสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ตามความร้ายแรงแห่งกรณี ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนำประกอบการพิจารณาลงโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษต่ำกว่าปลดออก

การพิจารณาสั่งลงโทษของ ผบ.ตร. ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ใน กฎ ก.ตร. ผบ.ตร. ต้องตั้งตณะกรรมการเพื่อเสนอแนะว่าจะลงโทษในสถานใด โดยคณะกรรมการดังกล่าวอย่างน้อยต้องประกอบด้วยรองหัวหน้าหน่วยงานนั้นทุกคน และต้องพิจารณาเสนอแนะภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำนวนการสอบสวน

หากออกมาในแนวทางนี้ จะเท่ากับว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ อาจจะต้องเดินหน้าต่อสู้ซ้ำรอยเดิม กับคราวที่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการโดยมิชอบ ต่อ ก.พ.ค.ตร.

ผลพิจารณาฯ ไม่เป็นคุณ "บิ๊กโจ๊ก" ช่องรอด "ก.พ.ค.ตร."

กรณีที่ผลการพิจารณาสำนวนการสอบสวน ชี้ว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มีความวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ สามารถอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ได้ภายใน 90 วัน ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565

ภายหลังการรับอุทธรณ์ กรรมการเจ้าของสำนวน จะดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง จนเพียงพอต่อการวินิจฉัยอุทธรณ์ จากนั้นจึงสรุปสำนวนเสนอต่อ ก.พ.ค.ตร. เพื่อพิจารณาวินิจฉัยเป็นลำดับถัดไป ตามหลักเกณฑ์ มีกำหนดให้การพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่ที่ได้รับอุทธรณ์ เว้นแต่มีเหตุขัดข้อง ให้ขยายเวลาได้อีกไม่เกิน 2 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะต้องไม่เกิน 60 วัน

ส่วนแนวทางการพิจารณา ของ ก.พ.ค.ตร. มีอำนาจไม่รับอุทธรณ์ ยกอุทธรณ์ หรือ มีคำวินิจฉัยให้แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งลงโทษและให้เยียวยาความเสียหายแก่ผู้อุทธรณ์รวมทั้งเร่งรัดติดตามการเยียวยาหรือให้ดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แต่จะมีคำวินิจฉัยให้เพิ่มโทษไม่ได้

และแน่นอนว่า หากผลการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ ไม่เป็นคุณ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยังใช้สิทธิยื่นฟ้องได้ที่ศาลปกครองสูงสุด

แต่หากศาลปกครองสูงสุด พิพากษาออกมา ในทางเดียวกับความเห็นของ ก.พ.ค.ตร. ก็จะทำให้คดีนี้ถึงที่สุด และในท้ายที่สุด จะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาถอดยศ

ช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าการสอบสวนวินัย จะมีผลสรุปออกมาในทิศทางใด ล้วนแต่ส่งผลต่อเส้นทางชีวิตของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และไม่ว่าจะอยู่หรือไปลมหายใจล้วนติดขัดทั้งสิ้น

รายงาน : กิตติพร บุญอุ้ม ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ไทยพีบีเอส

อ่านข่าว

ปิดฉาก "คอลเซนเตอร์" เมียวดี ไทยเตรียมรับ "ศึกใหม่ชายแดน"

จับกระแสการเมือง : วันที่ 14 ก.พ.2568 สภาล่ม "ภท.-พท." ทิ้งหมัดคนละมุม ศึกสามเส้า "บิ๊กโจ๊ก-วันนอร์-สุชาติ"

สะเทือน "ล้างจีนเทา" เมียวดี งานหินกว่า "เล้าก์ก่าย" โมเดล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง