ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เร่งสอบ 119 คนไทยแก๊งคอลเซนเตอร์สมัครใจหรือไม่ พบ 7 คนมีหมายจับ

อาชญากรรม
2 มี.ค. 68
12:24
199
Logo Thai PBS
เร่งสอบ 119 คนไทยแก๊งคอลเซนเตอร์สมัครใจหรือไม่ พบ 7 คนมีหมายจับ
ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ตั้งข้อสังเกตคนไทย 119 คน อาจตั้งใจไปทำงานเป็นขบวนการคอลเซนเตอร์ เร่งสอบสวนคัดแยก ก่อนพิจารณาดำเนินคดี

วันนี้ (2 มี.ค.2568) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยกรณีที่ ก่อนหน้านี้ ไทยมีการรับตัวกลุ่มคอลเซนเตอร์คนไทย 119 คน จากทางการกัมพูชา หลังมีการกวาดล้างในฝั่งปอยเปต เข้ามายัง จ.สระแก้ว ส่งให้ทางการไทยกลับมาดำเนินคดี ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนกลไกการส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM (National Referral Mechanism การบริหารจัดการคดีและการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ) เพื่อคัดแยกระหว่างเหยื่อที่ถูกคอลเซนเตอร์ลองไปทำงานกับผู้ที่สมัครใจไปเป็นขบวนการคอลเซนเตอร์ โดยมี ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว, ตำรวจภูธรภาค 2, บก.ปคม., สตม. และ บช.สอท. ไปร่วมสอบสวน

จากการตรวจสอบเบื้องต้นจากระบบ crime และ Thaipolice online ในจำนวนนั้นมีผู้ถูกออกหมายจับ 7 คน และมีหมายจับ 11 หมาย แบ่งเป็นคดียาเสพติด และคดีฉ้อโกงประชาชนอาชญากรรมออนไลน์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีอีก 10 คน ที่มีการแจ้งความในระบบ Thaipolice online 46 คดี ซึ่ง 10 คนนี้ มีบุคคลคนเดียวกันกับที่ถูกออกหมายจับใน 7 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดแยก โดยหากพบว่าเข้าข่ายเป็นผู้กระทำความผิดก็จะถูกดำเนินคดี ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และข้อหาเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งการเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินั้นเข้าหลักเกณฑ์ พ.ร.บ.ฟอกเงิน ที่จะต้องสืบสวนเส้นทางการเงิน เพื่อให้ ปปง.ยึดทรัพย์ จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการเฉลี่ยทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหายต่อไปในอนาคต

โดยเบื้องต้น ตำรวจได้มีการนำโทรศัพท์ จำนวน 121 เครื่อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคนไทยที่ถูกส่งกลับมาด้วย ไปตรวจสอบข้อมูลเพื่อนำมาขยายผลต่อ สำหรับกรณีทางการกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ว่าทั้ง 119 คนนั้น สมัครใจไปทำงานเป็นขบวนการคอลเซนเตอร์ แต่เพื่อความเป็นธรรมก็จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้เสียหายหรือใครจงใจไปทำงาน

โดยจากภาพที่ปรากฏในสื่อมวลชนที่ทางการกัมพูชาได้มีการระดมกวาดล้างจับกุม จะเห็นว่ามีความพยายามที่จะหลบหนี ไม่ได้เข้ามาขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งผิดวิสัยของผู้ถูกหลอกไปทำงานก็ควรจะวิ่งเข้าหาเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ อีกทั้งใน 119 คนที่ส่งตัวกลับมาทุกคนมีโทรศัพท์มือถือใช้ ซึ่งหากเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกจะไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ จึงบ่งชี้ได้ว่าส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครใจไปเป็นคอลเซนเตอร์

โดยหลังจากสิ้นสุดกระบวนการคัดแยก หรือ NRM ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดมาดำเนินคดี โดย บช.สอท.เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ซึ่งหลังจากแจ้งข้อกล่าวหา ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปขอศาลอาญารัชดาภิเษกฝากขัง

แก๊งคอลฯ รับส่วนแบ่ง 4% ของยอดที่หลอกได้

ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังเดินหน้าสอบปากคำ ซักถามข้อสงสัยและประเด็นสำคัญในขบวนการคอลเซนเตอร์ จากคนไทย 119 คน เบื้องต้นสามารถสอบสวนคัดแยกเหยื่อได้แล้วเกินครึ่ง พบว่าตึกดังกล่าว มีการแบ่งการทำงานในการหลอกลวงคนไทยหลายรูปแบบ เช่น หลอกจะคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้า , หลอกเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง, หลอกฟีลแฟน และเว็บไซต์พนัน

หนึ่งในกลุ่มคนไทยที่รับตัวมามีตำแหน่งล่ามภาษาจีน จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่าจะคอยนำสารจากบอสจีน มาอธิบายให้คนไทยฟังและให้ทำตามคำสั่ง โดยล่ามจะได้ค่าจ้างเริ่มต้นเดือนละ 30,000 - 40,000 บาท ไม่รวมค่าคอมมิชชัน ที่หลอกคนได้

ส่วนคนที่ทำหน้าที่โทรหลอกคนไทย ทุกวันที่ทำงานจะมีเบอร์โทรศัพท์ จำนวน 100 หมายเลข ให้โทรไปหลอกเหยื่อ  โดยแผนกหลอกคืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า จะมีการทำงาน 3 ส่วน คือโทรไปหาเหยื่อและแจ้งว่าจะได้เงินคืน  จากนั้นจะส่งสายต่อไปที่ฝ่ายเทคนิค เพื่อหลอกให้ติดตั้งแอพพลิเคชัน เพื่อดูดเงิน หลังจากนั้นจะส่งต่อให้แผนกดูดเงินจากบัญชีธนาคาร ดำเนินการนำเงินออกมาให้ได้

จากการสอบสวนคนไทยส่วนหนึ่งอ้างว่า เพิ่งข้ามไปทำงานที่ปอยเปต และยังไม่ได้หลอกคนไทยด้วยกันเอง เนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษา เรียนรู้ขั้นตอนในการเป็นมิจฉาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ข้ามแดนไปปอยเปต โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ จากการสอบสวนมีข้อมูลที่น่าสนใจคือ หากใครสามารถหลอกเงินได้จะได้รับส่วนแบ่ง 4 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนเงินที่เหยื่อโอนมา

"กัมพูชา" ส่งกลับ "119 คนไทย" หลังทลายตึกคอลเซนเตอร์

บีจีเอฟหยุดค้นรัง "แก๊งคอลเซนเตอร์" จี้แต่ละชาติมารับคนของตัวเองกลับ

ซีลชายแดนอีสานใต้ เฝ้าระวังแก๊งคอลเซนเตอร์ฝั่งกัมพูชา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง