วันนี้ (3 มี.ค.2568) นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่การระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุญาตให้ผู้สมัคร สว.นำโพยเข้าไปในวันเลือก สว.ได้ว่า เรื่องดังกล่าวมีโพยหลุดเข้าไป เป็นจำนวนมาก โดยแต่ละกลุ่มที่ได้รับเอกสารมาก่อนที่จะเดินเข้าห้องเลือกที่เมืองทองธานี มีการเขียนไว้ที่ "สว.3" และเขียนใส่กระดาษเพื่อให้ติดตัวไว้
เมื่อมีการตรวจสอบและประกาศว่า ห้ามนำเอกสารเข้าหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งในระหว่างนั้นมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง ได้พบพฤติกรรมการอนุญาตให้นำโพยเข้าไปหน่วยเลือกตั้งได้โดยที่ กกต.บอกว่า ให้นำเอกสารเข้าไปได้ทำให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งสงสัยว่า ถ้าปล่อยให้ขบวนการนี้เกิดขึ้น คงจะมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้ในคืนวันเลือกตั้งไปร้องต่อ กกต.แต่ไม่ได้เป็นผลอะไร
จนการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงผู้ตรวจการเลือกตั้งจึงได้ไปแจ้งความต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ที่ กกต.มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องโพยกลับกลายเป็นว่า คณะกรรมการเป็นลูกน้องของผู้ที่ถูกร้อง คือ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ที่แต่งตั้งลูกน้องขึ้นมาให้ตรวจสอบตัวเอง จึงเป็นไปได้ยากที่จะได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามผู้ร้องได้มีการให้ปากคำต่อดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว
นายอัครวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่ผู้ตรวจฯไปให้ปากคำต่อดีเอสไอ แจ้งว่านายแสวง เป็นผู้อนุญาตให้นำโพยเข้าไปได้ ซึ่งมีในใบ สว.3 และกระดาษจะถูกเขียนด้วยโพยอยู่ด้านหลัง เป็นตารางทั้ง 20 กลุ่ม มีตัวเลขระบุให้เลือกตามช่อง ซึ่งเรามีหลักฐานเป็น สว.3 ที่ยึดมาได้ อยู่ที่ดีเอสไอจำนวนมาก

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ระบุว่า เขาให้เขียนโพยเข้าไปได้เพราะผู้สมัครอาจจะจำได้ไม่หมด นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาโพยเข้าไป เพราะเป็นการทุจริต แต่ สว.3 ที่เขาแจกมาให้เพื่อทุกคนได้ศึกษาว่า กลุ่มต่าง ๆ ชอบใคร หากมีโอกาสได้ไขว้กันเราสมควรจะเลือกใคร ซึ่งผู้ที่เลือกจะต้องเปิดดูประวัติใน สว.3 แต่ที่ไม่ยุติธรรมที่สุดคือการเขียนโพยเป็นร้อย ๆ โพย อยู่หลัง สว.3 แล้วเลือกตรงกันทั้งหมดทั้งประเทศ
ยกตัวอย่าง จากเอกสารตัวจริงที่อยู่ที่ดีเอสไอแล้ว ซึ่งเป็นการเขียนด้วยลายมือของแต่ละคน ซึ่งเขาบอกว่าทุกคนต้องเขียนด้วยลายมือตัวเอง และมีเทรนเนอร์ไปสอนว่า ต้องเขียนโพยตัวอย่างไป และเมื่อเข้าไปสู่กระบวนการเลือกตั้งเขามีข้อกำหนดว่า ห้ามเปิดดู สว.3 เป็นอันขาด ถ้าใครเปิดดู สว.3 เขาจะหักเงิน จะไม่จ่ายเท่าที่ตกลงกันไว้ คือ ก่อนเดินทางมาจ่าย 20,000 บ. ขากลับจากเมืองทองให้อีก 30,000 บ.ถ้าได้เกิน 120 คน จ่ายให้อีกเป็นแสน
นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า การที่ต้องยื่นให้มีการตรวจสอบการฮั้วเลือกตั้ง สว.เพราะเห็นว่า เป็นขบวนการที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นขบวนการที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งวิธีการคือการแข่งขันกันระหว่าง 2 ฝ่าย คือฝ่ายจัดตั้ง ฝ่ายฮั้ว ฝ่ายบล็อกโหวต และอีกฝ่าย คือมาสมัครด้วยความบริสุทธิ์ ใสซื่อ เป็นอิสระ

พวกตนไม่ได้เห็นด้วยที่จะให้การเลือกตั้ง สว.เป็นโมฆะเพราะกฎหมายและระเบียบออกมาดีแล้ว แต่มีผู้ที่ใช้ช่องว่างเอาชนะด้วยเทคนิคต่าง ๆ เราจึงอยากให้กระบวนการยุติธรรมนำผู้กระทำความผิดมารับโทษตามกฎหมายให้ได้ เพราะหลักฐานที่ กกต.ไม่ยอมเปิด ซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วทั้งจากกล้องวงจรปิด กระบวนการจัดการเลือกตั้ง
ทำไมผู้สมัครที่มาจากสายบล็อกโหวตหรือฮั้วต้องแต่งตัวแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่ กกต. และคะแนนที่อยู่ในหีบเลือกตั้งไม่ว่าจะเช้าหรือบ่ายก็ตรงกับในโพย ซึ่งหลักฐานที่จะทำให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษได้ คือ การจ่ายเงินโอนเงิน เส้นทางการเงินเรามีหมด การพูดคุยทางโทรศัพท์ การนัดหมาย รวมถึงการเข้าไปพักในโรงแรมต่าง ๆ ในเขตปริมณฑลซึ่งถูกจัดขึ้นทั้งนั้น ซึ่งใช้คนเป็นจำนวนมากในการสอนให้ผู้เลือกแต่ละคนทำตามที่บอก ถือเป็นพยานหลักฐาน ที่จะมัดผู้ร่วมขบวนการในครั้งนี้ได้
เมื่อถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่า การตรวจสอบครั้งนี้จะไม่ล้มทั้งกระดานเพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการฮั้วตั้งแต่ระดับอำเภอ นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า เราคัดค้านที่จะให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่ความผิดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นความผิดของขบวนการ
การนี้ฮั้วกันมาตั้งแต่ยังไม่ประกาศกฤษฎีกาเลือกตั้ง มีการวางแผนกันมาตั้งแต่เห็นรัฐธรรมนูญแล้วว่า จะทำอย่างไรจึงจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยมีการรวบรวมกลุ่มและใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ตั้งแต่ระดับอำเภอมา โดยมีการออกเงินให้ขนคนมาเลือกตั้ง สว.มาจนถึงระดับจังหวัดและประเทศคือกระบวนการที่ต่อเนื่องกันมาจนได้ สว.ตามโพยที่เขาวางไว้ ดังนั้น จะต้องหาคนผิดมาลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ สว.ที่ถูกยื่นให้สอบจริยธรรม อาทิ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร, น.ส.อมร ศรีบุญนาค น.ส.อัจฉรพรรณ หอมรส, นายเอนก วีระพจนานันท์, นายอภิชา เศรษฐวราธร, นายชวภณ วัธนเวคิน, นายชีวะภาพ ชีวะธรรม, นายวิวัฒน์ รุ้งแก้ว, พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา, นายอภิชาติ งามกมล, นายพรเพิ่ม ทองศรี ซึ่งเป็นกลุ่ม สว.ที่ร่วมลงชื่อยื่นญัตติต่อวุฒิสภาเพื่อให้พิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย
อ่านข่าว : "สว.สำรอง" บุกสภาฯ ร้องสอบจริยธรรม สว.เข้าชื่อถอด "ทวี-ดีเอสไอ"