วันนี้ (5 มี.ค.2568) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงความคืบหน้าผลการสอบสวนคนไทย 119 คน ที่ถูกจับในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชาและส่งกลับมาดำเนินคดีในไทย โดยมีผู้ถูกที่ตกเป็นผู้ต้องหา 100 คน
- ช่วยเด็กหญิง 14 ปี ถูกหลอกทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์ฝั่งปอยเปต
- เปิดพฤติการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์ "ดาวกองร้อยปอยเปต"
พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า ขบวนการคอลเซนเตอร์กลุ่มดังกล่าว ใช้วิธีการหลอกลวงหลายรูปแบบ ทั้งการเทรดหุ้น โรมานซ์สแกม เปิดเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงหลอกเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ที่ดิน โดยจากผู้ถูกส่งกลับจำนวน 119 คน ถูกดำเนินคดีแล้ว 100 คน ส่วนอีก 15 คน ที่ไม่ถูกออกหมายจับอยู่ระหว่างการขยายผลถึงพยานหลักฐานเพิ่มเติม

เบื้องต้นพบว่า ไปทำงานเกี่ยวกับพนันออนไลน์ แต่อีก 4 คน ที่เป็นเยาวชนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเช่นกัน ส่วนการดำเนินการขยายผลหาตัวผู้บริหารชาวจีน พบพฤติกรรมว่า ชาวจีนทั้ง 3 คน ที่มีหน้าที่สั่งการและกำหนดการจ่ายเงิน รวมถึงกำกับดูแลขบวนการคอลเซนเตอร์

เบื้องต้นได้มีการสเก็ตช์ภาพจากคำให้การของผู้ต้องหา จนสามารถออกหมายจับได้ 2 คน ส่วนอีก 1 คน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับ โดยหลังจากนี้จะร่วมมือกับทางการจีนทำการขยายผลว่าบุคคลทั้ง 3 คนเป็นใคร แต่เบื้องต้นยังไม่พบประวัติหรือหมายจับของตำรวจสากลแต่อย่างใด
อ่านข่าว : เร่งสอบปมเพจดังชี้ "คนไทย" ตกตึกชั้น 18 ในปอยเปต
ขณะเดียวกันจเรตำรวจแห่งชาติ ยังยอมรับ ว่ากระบวนการคัดกรองตามกลไก NRM ยากที่จะพิสูจน์ทราบว่า กลุ่มบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือหรือจับกุมได้เป็นเหยื่อที่แท้จริงหรือไม่ ทำให้ที่ผ่านมาไม่มีใครถูกดำเนินคดีจึงทำให้คนไทยที่มีพฤติกรรมไปหลอกคนไทยด้วยกันเอง ใช้เป็นช่องทางในการกลับไปกระทำผิดซ้ำ
แต่กระบวนการคัดกรองในครั้งนี้ ได้เพิ่มมิติโดยให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเข้าไปช่วยในการสืบสวนและตรวจสอบด้านเทคโนโลยี รวมทั้งด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มากกว่า 100 นาย ทำให้มั่นใจว่า เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานที่สามารถเอาผิดคนไทยที่กระทำผิดได้
เชื่อว่ายังมีคนไทยอีกนับ 1,000 คนที่ร่วมอยู่ในขบวนการคอลเซนเตอร์เพื่อหลอกคนไทยด้วยกัน
หลังจากนี้ทางการไทยได้ร่วมกับทางการกัมพูชา กำหนดยุทธศาสตร์ที่จะปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยทั้ง 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันถึงที่ตั้งของกลุ่มคอลเซนเตอร์ และทางการไทยจะมีการขอให้ส่งตัวคนไทยทั้งหมดมาลงโทษในประเทศไทย

เนื่องจากบทลงโทษที่กัมพูชาเป็นโทษเบา เพราะเป็นเรื่องของการเข้าเมืองผิดกฎหมายและการทำงานแบบผิดกฎหมาย แต่เมื่อดำเนินคดีในประเทศไทย จะมีโทษหนักจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี หรือมากกว่านั้น เพราะขบวนการคอลเซนเตอร์จะไม่หลอกลวงคนกัมพูชา แต่จะหลอกลวงคนไทย
อ่านข่าว : ค้นรังบัญชีม้า! เปิดห้องพักโรงแรมฝั่งสระแก้วร่วมแก๊งคอลเซนเตอร์
สำหรับ ปฏิบัติการปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์ในฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา รวมถึงมาตรการตัดไฟ อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ตั้งแต่เดือน ม.ค.ถึงปัจจุบัน ส่งผลให้สถิติการปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์ลดลงถึงร้อยละ 30 จากกว่า 30,000 คดี คงเหลือประมาณ 21,000 คดี

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบกลุ่มที่เป็นเหยื่อขบวนการคอลเซนเตอร์ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. - 26 ก.พ. พบว่า การเดินทางไปฝั่งเมียวดีของชาวต่างชาติไม่มีการใช้กำลังประทุษร้าย และทุกคน สมัครใจในการเดินทางไปทำงานเอง
การเดินทางไปทำงานยังกลุ่มขบวนการคอลเซนเตอร์ไม่ได้ใช้ช่องทางผ่านประเทศไทยเพียงช่องทางเดียว แต่ยังมีอีก 2 ช่องทาง คือ บินตรงไปยังเมืองย่างกุ้ง และ ผ่านมณฑลคุนหมิงของประเทศจีนและเข้ามาทางตอนเหนือของประเทศเมียนมา
อ่านข่าว : "กัมพูชา" ส่งกลับ "119 คนไทย" หลังทลายตึกคอลเซนเตอร์
คุมตัวฝากขัง 93 ชาวไทยร่วมแก๊งคอลเซนเตอร์กัมพูชา
"แพทองธาร" ลุยสระแก้ว ก่อนกัมพูชาปล่อยตัว 119 คนไทย