เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เครื่องปรับอากาศ กลายเป็นสิ่งจำเป็นในทุกบ้าน แต่ปัญหาของการใช้งานแอร์ในช่วงฤดูร้อนนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ความร้อนที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่ทำให้คุณภาพอากาศในหลายพื้นที่แย่ลง
จากปัญหานี้ ค่าใช้จ่ายในการล้างแอร์ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง โดยในแต่ละครั้งที่เรียกช่างมาล้างแอร์ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่องและระดับความซับซ้อนในการทำความสะอาด หากบ้านใครมีแอร์หลายเครื่อง ก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายพันบาทต่อครั้ง ซึ่งค่อนข้างเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่น้อย
ทำไมไม่ลองล้างแอร์เอง ?
ทางออกหนึ่งที่สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาแอร์ คือการล้างแอร์ด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีการล้างแอร์เองนั้นไม่ได้ยากจนเกินไป และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดก็สามารถหามาได้ง่าย ๆ ภายในบ้าน อุปกรณ์ที่ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องมือพิเศษที่ราคาแพง แค่เพียงทำตามขั้นตอนง่าย ๆ คุณก็สามารถทำให้แอร์ของคุณสะอาดและประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการล้างแอร์
- ไขควง ไว้ถอดฝาครอบแอร์ ดูว่ารุ่นของเราใช้หัวแฉกหรือหัวแบน
- ถุงขยะใบใหญ่ เอามาครอบแอร์กันน้ำกระเด็นเลอะพื้น ถ้าไม่มีถุงใหญ่ ถุงผ้ากันน้ำก็ใช้ได้
- ขวดสเปรย์เก่า ล้างให้สะอาดแล้วเอามาใส่น้ำหรือน้ำยา (เช่น ขวดฉีดน้ำรีดผ้า)
- น้ำส้มสายชู ผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 ใช้แทนสเปรย์โฟมได้ (ถ้าเน้นแบบประหยัดสุด ๆ)
- แปรงสีฟันเก่า เอาไว้ขัดฝุ่นหรือคราบในซอกเล็ก ๆ ที่มือเข้าไม่ถึง
- ผ้าแห้ง ผ้าไมโครไฟเบอร์ เช็ดตัวเครื่องและคอยล์เย็นให้แห้งสนิท
- ถังน้ำ กะละมัง เอาไว้วางรองน้ำที่ไหลออกมาจากแอร์ ไม่ให้เลอะพื้นบ้าน
ถ้าอยากให้สะดวกขึ้นอีกนิด สามารถซื้อ สเปรย์โฟมล้างแอร์ มาใช้ได้ ราคาประมาณหลักร้อย (เช่น Norca Foam, Simple Green หรือ Airflow) หาซื้อได้ตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือออนไลน์ แต่ถ้าอยากประหยัดแบบสุด ๆ น้ำส้มสายชูที่มีในครัวก็เอาอยู่ แถมฆ่าเชื้อได้ด้วย
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
รศ.ดร.ฉัตรชาญ ทองจับ อาจารย์สาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมการทำความเย็นและปรับอากาศ วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้อธิบายไว้ในรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ ว่าน้ำยาทำความสะอาดแอร์ด้วยตัวเอง สามารถใช้ได้จริง เพราะออกแบบมาเพื่อสำหรับการฉีดล้างฟินคอยล์ เพียงแต่ต้องรู้ขั้นตอนการทำความสะอาด
10 ขั้นตอนล้างแอร์ ฉบับง่าย-ทำได้เอง
- ปิดเบรกเกอร์ไฟ ถอดปลั๊กแอร์หรือปิดเบรกเกอร์ที่ตู้ไฟ เพื่อป้องกันไฟช็อต ให้ลองกดรีโมตแอร์เช็กว่าแอร์ติดหรือไม่
- ถอดฝาครอบและแผ่นกรองออกมา โดยใช้ไขควงคลายน็อตฝาครอบ ยกฝาออก วางให้เรียบร้อย
- ดึงแผ่นกรองอากาศ (ตาข่ายพลาสติก) ออกมา
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
- ล้างแผ่นกรองให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า ใช้แปรงสีฟันขัดฝุ่นเบา ๆ ถ้าสกปรกมาก หยดน้ำยาล้างจานนิดหน่อยช่วยได้
- ตากแดดหรือพัดลมให้แห้งสนิท ถ้าใส่กลับตอนเปียกอาจมีกลิ่นอับ
- ครอบแอร์ด้วยถุงขยะ ติดถุงขยะใบใหญ่ครอบด้านล่างแอร์ ใช้เทปกาวแปะให้แน่น น้ำจะได้ไหลลงถัง ไม่เลอะพื้นบ้าน
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
- ฉีดน้ำยาทำความสะอาด ถ้ามีสเปรย์โฟม ฉีดให้ทั่วคอยล์เย็น (แผงโลหะด้านใน) แล้วทิ้งไว้ 10-15 นาที ถ้าใช้สูตรประหยัด เทน้ำส้มสายชูผสมน้ำใส่ขวดสเปรย์ ฉีดให้ชุ่ม ทิ้งไว้ให้คราบฝุ่นละลาย
- ล้างน้ำตาม ให้ใช้ขวดสเปรย์ฉีดน้ำสะอาดตามลงไป ค่อย ๆ ฉีดให้คราบไหลออกมา อย่าใช้สายยางฉีดแรง เดี๋ยวชิ้นส่วนเสียหาย
- เช็ดให้แห้งและประกอบกลับ ใช้ผ้าแห้งหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดคอยล์และตัวเครื่องให้แห้งสนิท
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
- ใส่แผ่นกรองที่แห้งแล้ว และฝาครอบกลับเข้าที่ ขันน็อตให้แน่น
- ทดสอบแอร์ เสียบปลั๊ก เปิดแอร์เช็กว่าลมเย็นฉ่ำและไม่มีกลิ่น ถ้าทุกอย่างปกติ แปลว่าเราทำสำเร็จ!
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ 30-60 นาที ไม่ต้องยกของหนัก ไม่ต้องใช้เครื่องมือซับซ้อน
ผู้หญิงคนเดียวก็เอาอยู่แน่นอน
ข้อควรระวังในการล้างแอร์ด้วยตัวเอง
การล้างแอร์เองสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริง แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ควรคำนึงถึง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับเครื่องและเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางจุดของแอร์ที่อาจต้องใช้ความชำนาญจากช่างผู้เชี่ยวชาญในการดูแล เช่น การทำความสะอาดส่วนที่ซับซ้อนหรือการตรวจเช็กการทำงานของแอร์ ดังนี้
การล้างคอล์ยเย็นและคอล์ยร้อน ถ้าทำความสะอาดไม่ถูกวิธี เช่น การใช้น้ำแรงหรือเครื่องมือที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้โครงสร้างของคอล์ยเกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ ถ้าไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง แอร์ก็อาจจะยังคงมีสิ่งสกปรกสะสมอยู่ ซึ่งส่งผลให้การทำงานของแอร์ไม่เต็มประสิทธิภาพ
การถอดและประกอบแอร์ หากคุณไม่ชำนาญในการถอดประกอบเครื่องปรับอากาศ อาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น บล็อกหรือสายไฟภายในแอร์ นอกจากนี้การประกอบแอร์ไม่แน่นอาจทำให้เกิดเสียงดังหรือรั่วซึมน้ำจากแอร์ได้ ดังนั้น หากไม่มั่นใจ ควรให้ช่างที่มีความชำนาญช่วยทำการตรวจสอบและประกอบกลับให้
ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่เหมาะสม การใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีสารเคมีรุนแรงซึ่งอาจทำให้วัสดุภายในแอร์ เช่น คอล์ยหรือแผ่นกรอง เกิดการเสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนสีได้ ควรเลือกใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยต่อเครื่องปรับอากาศ
ความปลอดภัยจากไฟฟ้า ก่อนเริ่มต้นล้างแอร์ทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปิดแอร์และถอดปลั๊กไฟออกแล้ว เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อต
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
การถนอมเครื่องปรับอากาศ
ทำความสะอาดฟิลเตอร์บ่อย ๆ ฟิลเตอร์แอร์เป็นส่วนที่สำคัญในการกรองฝุ่นและสิ่งสกปรก หากฟิลเตอร์สกปรกเกินไป แอร์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อทำให้ห้องเย็น ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงและค่าไฟเพิ่มขึ้น การทำความสะอาดฟิลเตอร์ทุก 1-2 เดือนจะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ตรวจเช็คคอล์ยเย็นและคอล์ยร้อน เป็นส่วนที่ต้องมีการทำความสะอาดและตรวจสอบเป็นระยะ ๆ หากมีฝุ่นหรือน้ำท่วมขัง อาจทำให้แอร์ทำงานไม่เต็มที่และส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้น การทำความสะอาดคอล์ยเหล่านี้สามารถทำได้เองในบางกรณี แต่หากไม่มั่นใจ ควรให้ช่างเข้ามาดูแล
ตรวจสอบการไหลเวียนของน้ำทิ้ง แอร์จะมีท่อน้ำทิ้งที่ใช้ในการระบายน้ำคอนเดนเซชัน หากอุดตันหรือน้ำไหลไม่สะดวก จะทำให้แอร์ทำงานหนักและเกิดน้ำขัง มีปัญหาในการทำความเย็น
ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
แม้ว่าในตอนแรกการล้างแอร์เองอาจดูเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถล้างแอร์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การล้างแอร์บางจุดต้องการเครื่องมือเฉพาะหรือความรู้ด้านเทคนิค ซึ่งการทำความสะอาดในบางส่วนของแอร์โดยที่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้องอาจทำให้แอร์เสียหายได้ เช่น การทำความสะอาดคอล์ยเย็นหรือคอล์ยร้อนที่ต้องการการดูแลอย่างละเอียด หรือการตรวจสอบและซ่อมแซมส่วนประกอบที่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ของช่างที่มีความเชี่ยวชาญ
การล้างแอร์ที่ผิดวิธีอาจทำให้แอร์ไม่ทำงานเต็มที่ หรือในบางกรณีอาจเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง และจะต้องเรียกช่างมาซ่อมแซมในภายหลัง ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าการล้างแอร์ให้ช่างทำตั้งแต่แรก
อ่านข่าวอื่น :