วันนี้ (17 มีนาคม 2568) สำนักงานศาลปกครองชี้แจงว่า กรณีมีผู้สมัครสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นศาลปกครองชั้นต้นที่ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์รังสิตมหาวิทยาลัยศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏมีผู้สมัครคนหนึ่งลักลอบนำเอกสารเข้าไปในห้องสอบ
การกระทำดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนแนวปฏิบัติในการเข้ารับการสอบข้อเขียนที่ผู้เข้ารับการสอบข้อเขียนทุกคนต้องถือปฏิบัติตามประกาศ ก.ศป.เรื่องรายชื่อผู้เข้ารับการสอบข้อเขียนในการสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ 27 ก.พ. 2568 เอกสารที่ลักลอบนำเข้ามาเป็นการคัดลอกตัวบทกฎหมายต่าง ๆ
โดยเอกสารดังกล่าวไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยของศาล หรือคำตอบที่ใช้สำหรับตอบข้อสอบแต่อย่างใด
ทั้งนี้การออกข้อสอบในแต่ละวัน ผู้ทำหน้าที่ออกข้อสอบจะดำเนินการออกข้อ สอบในวันที่มีการสอบในช่วงเวลาก่อนที่ผู้สมัครจะเข้าสอบ และผู้ออกข้อสอบรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะไม่สามารถออกจากห้องออกข้อสอบได้
รวมทั้งถูกตัดการสื่อสารในทุกช่องทางจนกว่าผู้สมัครจะเข้าสอบจนครบถ้วน หรือพ้นเวลาที่ผู้สมัครจะมีสิทธิเข้าห้องสอบ ข้อสอบจึงไม่สามารถเล็ดลอดออกไปสู่บุคคลภายนอกได้
ทั้งนี้ ศาลปกครองจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
"พ.ต.อ." ผิดวินัยร้ายแรงผมทุจริตสอบตุลาการ
ด้านพล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ พ.ต.อ. ถูกเจ้าหน้าที่คุมสอบจับได้ว่านำโพยเข้าไปห้องสอบ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบเรื่องแล้วได้สั่งการให้ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า เป็นข้าราชการตำรวจ ยศ "พ.ต.อ." จริง ตำแหน่ง รองผบก.อก.ภ.8 แต่มีคำสั่ง ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4
หลังจากตุลาการศาลปกครองที่ทำหน้าที่ประจำหน่วยสอบได้ตรวจพบการทุจริตการสอบ นำโพยเข้าไปลอกในสนามสอบ จึงประสานมายังตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี (ภ.จว.ปทุมธานี)
พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อธิเมศร์ ไชยศรัณวิชย์ ผกก.สภ.คลองหลวง เดินทางไปยังศูนย์สอบฯ ได้พบกับคณะตุลาการที่ควบคุมการสอบคัดเลือก รับฟังข้อเท็จจริงในการทุจริต
จากนั้นได้พูดคุยกับข้าราชการตำรวจรายดังกล่าว ได้ยินยอมให้บันทึกถ้อยคำ และทางคณะตุลาการที่คุมสอบแจ้งว่าจะประชุมสรุปข้อเท็จจริง และเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
ผบ.ตร.กำชับพล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 ให้ ภ.จว.ปทุมธานี ประสานกับทางสำนักงานศาลปกครอง ให้ดำเนินการตามข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงไป สืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อทราบข้อเท็จจริงและพิสูจน์ความผิดต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ส่วนทางวินัยนั้น ผบ.ตร.ได้สั่งการให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยทันที หากเป็นความผิดฐานทุจริตการสอบจริง ถือเป็นวินัยร้ายแรงฐานการกระทำอันเชื่อได้ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 112 (6) สร้างความเสื่อมเสียต่อหน่วยงานองค์กร รวมทั้งให้พิจารณาการสั่งให้พัก หรือออกจากราชการไว้ก่อนด้วย
พร้อมสั่งตรวจสอบที่มาที่ไปของการไปช่วยราชการ กอ.รมน. เป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ การไปช่วยราชการนั้นมีหน้าที่อะไร และในการไปสอบเป็นเวลาปฏิบัติราชการหรือไม่ มีการลาถูกต้องตามระเบียบหรือไม่
โฆษกตร.กล่าวว่า ผบ.ตร.กำชับให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการทางวินัย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะข้าราชการตำรวจที่เป็นผู้รักษากฎหมาย แต่กระทำผิดทุจริตในการสอบจะไปรักษาความเที่ยงธรรมกับผู้อื่นได้อย่างไรอีกทั้งเป็นการสอบ เพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ย่อมเป็นเรื่องที่รับไม่ได้จะเร่งดำเนินการทุกมิติอย่างเด็ดขาด