วันนี้ (18 มี.ค.2568) CNN รายงานว่า ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา พังทลายลงอย่างสิ้นเชิงในเช้ามืดวันอังคาร (18 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เมื่ออิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงบศึกมาเกือบ 2 เดือน การโจมตีครอบคลุมหลายจุดทั่วกาซา ตั้งแต่เมืองกาซาซิตี คานยูนิส ไปจนถึงเดียร์ อัล-บาลาห ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 404 คน และบาดเจ็บกว่า 562 คน
ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ในกาซา โฆษกหน่วยป้องกันพลเรือนกาซาเผยว่า ในจำนวนนี้มีเด็กมากกว่า 130 คนและผู้หญิงจำนวนมาก รวมถึงครอบครัวที่เสียชีวิตทั้งบ้าน
ดร.ราซาน อัล-นาห์ฮาส แพทย์อาสาจากองค์กร Humanity Auxilium ที่โรงพยาบาลอัล-อาห์ลี ในกาซาซิตี บรรยายสถานการณ์ว่า "น่าสะพรึงกลัวสุดขีด" เขาเล่าว่า การโจมตีเริ่มต้นตอนตี 2 และมีระเบิดดังสนั่นต่อเนื่องภายในไม่กี่นาที ผู้บาดเจ็บถูกนำตัวเข้ามาไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่เป็นเด็ก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่าเห็นเด็กทารกและเด็ก ๆ นอนเกลื่อนพื้น เลือดไหลจากศีรษะ ท้อง แขนขาเสียหาย
มีเด็กชายวัย 7 ขวบคนหนึ่งหายใจรวยริน ขอร้องให้ช่วยเขา เพราะครอบครัวทั้งพ่อแม่และพี่น้องตายหมดแล้ว
ความโกลาหล ผู้คนตื่นตระหนกวิ่งหาที่ปลอดภัย พ่อแม่แบกลูกที่บาดเจ็บวิ่งฝ่าควันไปโรงพยาบาลที่ล้นไปด้วยผู้ป่วย ทีมกู้ภัยต้องใช้เปลและรถพยาบาลลำเลียงคนเจ็บ บางคนถูกห่อด้วยผ้าห่มเปื้อนเลือด บางคนแขนขาถูกพันด้วยผ้าที่ชุ่มโชก บ่งบอกถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น โรงพยาบาลหลายแห่ง เช่น อัล-เอาดา ในเขตเหนือและกลาง และโรงพยาบาลนัสเซอร์ในข่านยูนิส รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากบ้านเรือนพลเรือนที่ถูกโจมตี
ด้านนายมูฮัมหมัด อบู ซัลมิยา หัวหน้าโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในกาซา บอกว่า ระบบสาธารณสุขที่นี่แทบพังทลาย ห้องผ่าตัดเต็ม ผู้บาดเจ็บตายคาที่เพราะไม่มีเตียงรักษา ยาและอุปกรณ์ขาดแคลนหนัก
ชาวบ้านในเดียร์ อัล-บาลาหอย่างนายราจาบ อบู ซุลตาน เล่าทั้งน้ำตาว่า เราช่วยกันขุดซากเด็ก ๆ ออกมาจากใต้ซากบ้าน ทุกศพที่เจอเป็นพลเรือนและเด็ก "ไม่มีการเตือนล่วงหน้าเลย" ผู้คนในกาซาต้องเผชิญฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่กองทัพอิสราเอลสั่งอพยพประชาชนในหลายย่านเพิ่มเติม ส่อเค้าถึงการพลัดถิ่นครั้งใหญ่ที่อาจตามมา

ทำไมหยุดยิงถึงล้มเหลว ?
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังการเจรจาขยายเวลาหยุดยิงล้มเหลวมาเป็นสัปดาห์ นายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู และรมว.กลาโหม อิสราเอล คัตซ์ ออกคำสั่งโจมตี โดยกล่าวหาว่าฮามาส "ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ที่จะปล่อยตัวประกันที่เหลือและไม่ยอมรับข้อเสนอจากทูตสหรัฐฯ สตีฟ วิตคอฟฟ์ และทีมเจรจา
จากนี้ไป อิสราเอลจะใช้พลังทหารที่เข้มข้นขึ้นจัดการฮามาส
แถลงการณ์จากสำนักนายกฯ ระบุ พร้อมย้ำเป้าหมายคือปล่อยตัวประกันทั้งหมด ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นการป้องกันล่วงหน้าเพื่อหยุดยั้งฮามาสที่กำลังเตรียมก่อการร้าย สะสมกำลัง และติดอาวุธใหม่ โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้บัญชาการระดับกลาง ผู้นำ และโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่ม แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
ด้านฮามาสโต้กลับว่า การโจมตีนี้คือ "โทษประหาร" สำหรับตัวประกันอิสราเอลที่ยังอยู่ในกาซา ซึ่งจากเหตุโจมตีเมื่อ 7 ต.ค.2566 มีผู้ถูกจับไป 251 คน ขณะนี้เหลือเกือบ 60 คน และเชื่อว่ามีชีวิตอยู่น้อยกว่าครึ่ง ผู้นำฮามาส อิซซัต อัล-ริชก์ กล่าวหาเนทันยาฮูว่า ตั้งใจล้มข้อตกลงหยุดยิง ทำให้ตัวประกันตกอยู่ในชะตากรรมที่ไม่แน่นอน

วิกฤตมนุษยธรรมที่เลวร้ายลง
2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ อิสราเอลปิดกั้นอาหารและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซา รวมถึงตัดไฟฟ้าจากโรงงานสุดท้ายที่ยังมีพลังงานอยู่ ส่งผลให้วิกฤตน้ำทวีความรุนแรง โรงงานกลั่นน้ำทะเลหยุดทำงาน ประชาชนกว่า 2,000,000 คน ในกาซา ต้องเผชิญความอดอยากและขาดแคลนหนักขึ้น แม้ช่วงหยุดยิงจะมีรถบรรทุกของกินและของใช้จำเป็นเข้ามาบ้าง แต่การกลับมาสู่สงคราม 17 เดือนที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปกว่า 48,000 ราย จะยิ่งนำความสิ้นหวังและความทุกข์มาเพิ่ม ฟิลิปป์ ลาซซารินี หัวหน้าองค์กร UNRWA ของสหประชาชาติ โพสต์บน X
สหรัฐฯ เสนอแผนใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 มี.ค.) ให้ฮามาสปล่อยตัวประกันที่มีชีวิตบางส่วน เพื่อแลกกับการขยายหยุดยิง 1 เดือน และยกเลิกการปิดล้อมความช่วยเหลือ แต่ข้อเสนอนี้ก็ล้มเหลว สถานการณ์ในกาซายิ่งตึงเครียด เมื่อความรุนแรงปะทุพร้อมกันในตะวันออกกลาง เช่น การโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมนโดยสหรัฐฯ และการปะทะชายแดนเลบานอน-ซีเรีย
ทุกวินาทีที่ผ่านไป ความรู้สึกหดหู่และกดดันแผ่ซ่าน ความตายของเด็ก ๆ และครอบครัวที่ไร้ทางสู้ทำให้ใจสั่นระรัว สงครามครั้งนี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นฝันร้ายที่ฉุดทุกคนลงสู่ความมืดมิด ความหวังริบหรี่ลงทุกที และความกลัวว่ามันจะไม่มีวันจบเริ่มกัดกินจิตใจ

อ่านข่าวอื่น :