วันนี้ (18 มี.ค.2568) นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การขับรถ-นั่งรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และใช้หัวเข็มขัดนิรภัยหลอก อุปกรณ์เสริมที่มีลักษณะเหมือนหัวเสียบนิรภัยของจริง แต่ไม่มีสายคาดใช้เพื่อตัดเสียงเตือน ไฟกะพริบเตือน หรือสัญญาณเตือนต่างๆ ถือเป็นความประมาทในการขับขี่ และเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่อย่างมาก
การใช้หัวเข็มขัดนิรภัยหลอก เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะไร้การป้องกัน ทำให้ร่างกระเด็นออกจากตัวรถ มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนที่คาดเข็มขัดอยู่ในรถถึง 6 เท่า
ด้านนพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในด้านกฎหมายเรื่องการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มาตรา 123 ภายใต้บังคับมาตรา 123/1 ในขณะขับรถยนต์ ผู้ที่อยู่ในรถยนต์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งแถวตอนหน้า และที่นั่งแถวตอนอื่น จะต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่โดยสารรถยนต์ เว้นแต่ มีเหตุผลด้านสุขภาพอันไม่สามารถรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งได้ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท
พญ.ศิริรัตน์ สุวรรณฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองป้องกันการบาดเจ็บ กล่าวว่า ขอแนะนำประชาชน เรื่องการคาดเข็มขัดนิรภัยให้ถูกวิธี เพื่อชีวิตที่ปลอดภัย ดังนี้ เด็กอายุ 0-6 ปี ให้นั่งที่นั่งนิรภัยเด็ก (คาร์ซีท) เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะช่วยรองรับแรงกระแทกป้องกันไม่ให้กระเด็นจากเบาะ
กลุ่มสตรีมีครรภ์ ควรคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนบนคาดผ่านหน้าอกลงมาด้านข้างท้องและส่วนล่างคาดพาดผ่านตักต่ำกว่าครรภ์ บุคคลทั่วไปควรคาดเข็มขัดนิรภัยส่วนบน พาดทแยงผ่านไหล่และส่วนล่าง คาดพาดผ่านตัก หน้าขา และผู้ที่นั่งรถโดยสารควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่นั่งตรงกลาง ปรับสายคาดเอวให้กระชับเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ ประชาชนหากรู้ตัวว่าต้องขับรถ ควรมีการเตรียมยานพาหนะให้มีความพร้อมก่อนเดินทางเสมอ ขอให้ประชาชนทุกคนเดินทางด้วยความปลอดภัย อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย ผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ควรสวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง เพื่อให้ทุกคนถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย