วันนี้ ( 23 มี.ค.2568) โครงการแจกเงินหมื่น เฟส 3 จากรัฐบาลจะมีผู้ได้รับเงินหมื่นทุกรูปแบบ กว่า 21 ล้านคน รวมงบประมาณที่ใช้กว่า 2.1 แสนล้านบาท โดยสภาพัฒน์ ประเมินว่าถ้าทำได้ครบทั้ง3เฟส จะมีผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมเติบโตเพิ่มได้ 0.25% คาดว่าจะเป็นอีกประเด็นที่ฝ่ายค้านเตรียมซักฟอกในวันที่ 24-26 มี.ค.นี้เป็นมาตการที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่นั้น
รศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า พับเก็บคำว่าพายุหมุนเศรษฐกิจ เพราะมาเป็นระลอกเบาๆ ส่วนเฟสใหญ่เฟสสุดท้ายซึ่งเป็นรอบเก็บตกคนที่เหลือและเป็นคนกลุ่มใหญ่ ที่รัฐบาลยืนยันว่าทำแน่นอน แต่เมื่อถึงเวลาจะได้ไม่ได้ยังรัฐบาลยังไม่บอกชัดเจน นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์หลายคนบอกว่า พักก่อนควรหันไปทำอะไรที่ยั่งยืน
นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึง นโยบายเงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ให้กับผู้มีอายุ 16-20 ปี ว่า มีการคาดการณ์กันว่าในเฟสที่ 3 นี้อาจได้ผลบ้าง เพราะกลุ่มคนที่แจกยังไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ที่ไม่มากนัก เมื่อได้เงินมาอาจจะใช้เร็ว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะได้ผลมากกว่าเฟส 1 ที่มอบให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบาง
แต่หากรัฐบาลต้องการให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจริง ๆ รัฐบาลควรละทิ้งแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวมากขึ้น และไม่ควรเปิดทางให้นำเงินจำนวนนี้ไปซื้ออะไรก็ได้ แต่ควรกำหนดให้ใช้ไปกับการหาทักษะความรู้ ซึ่งเหมาะสมกับกลุ่มเยาวชนพอดี ก่อนเข้าสู่แรงงาน
อ่านข่าว:
“พิชัย” เล็งจัด Back to School ต่อยอดเงินหมื่นเฟส3 เอาใจวัยรุ่น 16-20 ปี
“พาณิชย์” ขนทัพบิ๊กเอกชน รุกแอฟริกาใต้ ดันส่งออกข้าวไทย
นทท.จีนหด-ทรัมป์ป่วน ฉุดศก.ไทยเสี่ยงโตต่ำ KKP ปรับลด GDP เหลือ 3.2%