วันนี้ (31 มี.ค.2568) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินหน้าค้นหาผู้รอดชีวิตที่อาจติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ความรุนแรงของแผ่นดินไหวส่งผลให้บ้านเมืองในหลายพื้นที่ของเมียนมาได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในกรุงเนปยีดอ เมืองมัณฑะเลย์ ภูมิภาคซะไกง์ พะโค มาเกว รวมถึงรัฐฉาน ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภัยพิบัติครั้งนี้
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,700 คนแล้ว บาดเจ็บกว่า 3,400 คนและยังมีผู้สูญหายอีกราว 300 คน

ซากปรักหักพังของอาคารที่ถล่มลงมาในเมืองมัณฑะเลย์ หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2025
ซากปรักหักพังของอาคารที่ถล่มลงมาในเมืองมัณฑะเลย์ หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2025
ขณะเดียวกันยังมีแผ่นดินไหวซ้ำเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยในเมืองมัณฑะเลย์ต่างวิ่งหนีด้วยความแตกตื่น ซึ่งขณะนั้นกำลังปฏิบัติภารกิจค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงก่อนหน้านี้ โดยสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ รายงานว่า แผ่นดินไหวซ้ำดังกล่าวมีขนาด 5.1 และเกิดห่างออกจากเมืองดังกล่าวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 28 กิโลเมตร ส่งผลให้ภารกิจกู้ภัยต้องหยุดชะงักชั่วคราว
ส่วนที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองมัณฑะเลย์เกิดความสูญเสียอย่างหนัก เนื่องจากมีพระสงฆ์มากกว่า 180 รูปนั่งสอบอยู่ภายในอาคารขณะที่เกิดแผ่นดินไหว แรงสั่นสะเทือนทำให้บางส่วนของอาคารพังถล่มลงมา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยจีนและเมียนมาได้เร่งกู้ภัยและใช้อุปกรณ์เจาะปูนเพื่อค้นหาร่างผู้เสียชีวิต ขณที่พระสงฆ์ใช้จีวรปิดจมูกและปากขณะเดินสำรวจความเสียหายของวัด เนื่องจากกลิ่นของศพที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากสิ่งปลูกสร้างเริ่มคละคลุ้ง
อ่านข่าว : "เมียนมา" ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแผ่นดินไหว-ขอนานาชาติช่วย

ทีมกู้ภัยเมียนมาอพยพผู้อยู่อาศัยออกจากอาคารในเมืองมัณฑะเลย์ และค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2025
ทีมกู้ภัยเมียนมาอพยพผู้อยู่อาศัยออกจากอาคารในเมืองมัณฑะเลย์ และค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2025
เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังเดินหน้าค้นหาผู้รอดชีวิตที่อาจติดอยู่ใต้ซากความเสียหายในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ชาวเมืองบางส่วนในภูมิภาคซะไกง์ ระบุว่าขณะนี้ร่างผู้เสียชีวิตถูกกู้ออกมาได้มากกว่าผู้รอดชีวิตและทุกครั้งที่ลมพัดแรงจะได้กลิ่นเหม็นของศพ ส่วนประชาชนในกรุงเนปยีดอที่ได้รับบาดเจ็บต้องนอนรอและรับการรักษากลางแจ้งในโรงพยาบาลท้องถิ่น หลังจากแรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารได้รับความเสียหายและไม่มีความปลอดภัยเพียงพอที่จะให้ผู้ป่วยเข้าไปภายในอาคาร
ขณะที่ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ระบุว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาครั้งนี้ไม่ใช่แค่ภัยพิบัติเท่านั้น แต่เป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ซับซ้อน ซึ่งทับซ้อนกับความเปราะบางที่มีอยู่เดิม โดยภัยพิบัติครั้งนี้ร้ายแรงมากและจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมีเพิ่มขึ้นทุกชั่วโมงเช่นเดียวกัน

ชาวเมียนมาสำรวจบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย 2 วันหลังเกิดแผ่นดินไหวที่ตอนกลางของประเทศ
ชาวเมียนมาสำรวจบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย 2 วันหลังเกิดแผ่นดินไหวที่ตอนกลางของประเทศ
IFRC ได้เริ่มระดมทุนฉุกเฉินมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 3,390 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือชาวเมียนมากว่า 100,000 คนหรือราว 20,000 ครัวเรือน ในการบรรเทาทุกข์และการฟื้นฟูในช่วง 24 เดือนข้างหน้า
เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ในมัณฑะเลย์ ระบุว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาถือเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับเด็กๆ และครอบครัวทั่วเมืองมัณฑะเลย์ พร้อมทั้งเรียกร้องความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่กำลังได้รับความทุกข์ทรมานจากสถานการณ์เช่นนี้
ขณะนี้หลายชาติได้ทยอยจัดส่งความเหลือต่างๆ รวมถึงส่งทีมเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญไปสมทบภารกิจกู้ภัยในเมียนมาแล้ว ทั้งจีน รัสเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย อังกฤษ เกาหลีใต้ เป็นต้น หลังจาก พล.อ.อาวุโสมิน ออง ไลง์ ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ เพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤตจากเหตุแผ่นดินไหวที่ได้ชื่อว่ารุนแรงที่สุดในรอบกว่า 100 ปี
อ่านข่าว
“กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3” ส่งกำลังใจ เมียนมายอดตายพุ่ง 1,600 คน
เมียนมาเสียชีวิตเพิ่มเป็น 1,002 เจ็บ 2,376 คน เหตุแผ่นดินไหว