ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"เจ้าสัวแห่งราชวงศ์จักรี" ร.3 ผู้ทรงนำพาความมั่งคั่งสู่แผ่นดิน

ไลฟ์สไตล์
31 มี.ค. 68
13:53
154
Logo Thai PBS
"เจ้าสัวแห่งราชวงศ์จักรี" ร.3 ผู้ทรงนำพาความมั่งคั่งสู่แผ่นดิน
อ่านให้ฟัง
12:20อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ย้อนรอยเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3 ผู้ทรงได้รับพระสมัญญานาม "เจ้าสัว" จากพระปรีชาสามารถในการค้าขายด้วยสำเภา ทรงนำความมั่งคั่งสู่กรุงรัตนโกสินทร์ พร้อมทิ้งมรดกอันล้ำค่าทั้งทรัพย์ถุงแดง วัดวาอาราม และความเจริญรุ่งเรือง

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานถึงพระอัจฉริยภาพในการค้าขาย พระองค์นั้นคือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ผู้ทรงได้รับพระสมัญญานาม (สมญานาม) "เจ้าสัว" จากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พระราชบิดา พระองค์ทรงเริ่มต้นเส้นทางการค้าขายตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และเมื่อขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ทรงนำความรู้และประสบการณ์นั้นมาสร้างความรุ่งเรืองให้แก่แผ่นดินไทยอย่างน่าประทับใจ

กษัตริย์นักขาย-พระบิดาแห่งการค้าไทย

พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 31 มี.ค.2330 ณ พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ใน ร.2 และเจ้าจอมมารดาเรียม ผู้ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสุลาลัย เดิมมีพระนามว่า "พระองค์ชายทับ" เมื่อพระชนมพรรษาได้ 26 พรรษา (พ.ศ.2356) ทรงได้รับการสถาปนาเป็น "กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์" และทรงรับราชการสำคัญ เช่น กรมท่า กรมพระคลังมหาสมบัติ และ กรมพระตำรวจว่าความฎีกา

เมื่อ ร.2 เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.2367 พระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดีถวายราชสมบัติแด่พระองค์ ซึ่งพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2367 สิริพระชนมายุ 37 พรรษา และทรงปกครองแผ่นดินนานถึง 26 ปี 8 เดือน 12 วัน ก่อนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394

เรื่องราวการค้าขายของ ร.3 เป็นดั่งตำนานที่เล่าขานกันมาถึงทุกวันนี้ ตั้งแต่ยังทรงเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระองค์ทรงได้รับพระราชานุญาตจาก ร.2 ให้ค้าขายกับเมืองจีนด้วยสำเภาหลวง สินค้าสำคัญ เช่น ดีบุก น้ำตาล งาช้าง และผ้าไหม ถูกนำไปแลกเปลี่ยนกับกระเบื้องเคลือบ ชา และเครื่องถ้วยชามจากจีน เมื่อขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงขยายการค้าให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ทรงส่งสำเภาหลวงไปยังเมืองท่าสำคัญ เช่น กวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ และเมืองกัลกัตตาในอินเดีย แลกกับผ้าไหมและเครื่องถ้วยชาม

รายได้จากส่วยและการค้าสำเภาช่วยเพิ่มพระราชทรัพย์ แก้ปัญหาการขาดแคลนในสมัยก่อนหน้า ทรงขยายการค้าไปยังสิงคโปร์และอินเดีย ด้วยสินค้าเช่น ข้าว พริกไทย และน้ำตาล ทำให้ไทยได้เปรียบดุลการค้า พระองค์ทรงส่งเสริมอุตสาหกรรม เช่น การต่อเรือสำเภาจากไม้คุณภาพสูง การทำเหมืองดีบุก และการผลิตน้ำตาล ซึ่งเติบโตจาก 80,000 หาบในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็น 240,000 หาบใน ร.3

ทรงตั้งระบบเจ้าภาษีนายอากรเพื่อเก็บภาษีจากสินค้าผลิต 38 อย่าง เช่น น้ำตาลและพริกไทย เพิ่มรายได้แผ่นดินอย่างมั่นคง การเจรจาสนธิสัญญาเบอร์นีกับอังกฤษยังเปิดโอกาสให้พ่อค้าต่างชาติค้าขายเสรี ลดการผูกขาดของพระคลังการค้านี้สร้างรายได้ปีละหลายหมื่นชั่ง ซึ่งพระองค์ทรงเก็บรักษาไว้ใน "ถุงแดง" อันเป็นทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ต่อมากลายเป็นมรดกสำคัญของชาติ

พระราชกรณียกิจของพระองค์สร้างความมั่งคั่งให้ชาติและประชาชน ทรงลงทุนเพื่อแผ่นดินโดยไม่หวังผลส่วนพระองค์ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงได้รับการยกย่องว่าเป็น "พระบิดาแห่งการค้าไทย"

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3

องค์ทำนุบำรุงศาสนา

พระองค์ทรงเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ด้านพระพุทธศาสนา ทรงบูรณะและสร้างวัดมากมาย เช่น

  • วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร วัดประจำ ร.3 ที่สร้างใน พ.ศ.2367-2372 ด้วยสถาปัตยกรรมไทย-จีนอันงดงาม
  • วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ซึ่งทรงบูรณะใน พ.ศ.2375-2380 และเพิ่มจารึกความรู้จนถูกเรียกว่า "มหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย"
  • วัดราชนัดดารามวรวิหาร ที่มีโลหะปราสาทสูง 36 เมตร สร้างใน พ.ศ.2389 และวัดกัลยาณมิตร สร้างใน พ.ศ.2368 เพื่ออุทิศแด่ความสัมพันธ์ไทย-จีน

เหตุการณ์สำคัญ ๆ ในช่วงรัชสมัย ร.3

  • สงครามเจ้าอนุวงศ์ (พ.ศ.2371-2374) เมื่อเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ก่อกบฏต่อสยาม พระองค์ทรงมอบหมายให้เจ้าพระยาบดินเดชานำทัพปราบปราม ใช้เวลาถึง 3 ปีจึงสำเร็จ ทรงสั่งย้ายประชากรลาวกว่าแสนคนมาอยู่ในดินแดนไทย เช่น อีสานและปทุมธานี เพื่อเสริมความมั่นคง

  • สนธิสัญญาเบอร์นี (Burney Treaty) พ.ศ.2369 ทรงเจรจากับอังกฤษผ่าน "เฮนรี เบอร์นี" เพื่อเปิดการค้าและกำหนดเขตแดนในมลายู ทรงยอมให้อังกฤษควบคุมรัฐมลายูบางส่วน แต่รักษาความเป็นเอกราชของสยามไว้ได้อย่างชาญฉลาด

  • กรณีพิพาทกับญวน (พ.ศ.2376-2388) ญวนพยายามรุกรานเขมร ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของสยาม พระองค์ทรงส่งกองทัพต่อสู้และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างค่ายเนินวงที่จันทบุรีใน พ.ศ.2377 เป็นฐานทัพป้องกันชายฝั่งตะวันออก สงครามนี้ยืดเยื้อจนถึง ร.4

ประกาศห้ามสูบ-ซื้อขาย "ฝิ่น"

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3 ทรงมีพระราชโองการเมื่อ พ.ศ.2382 ห้ามสูบและซื้อขายฝิ่นอย่างเด็ดขาด โดยทรงเห็นว่าฝิ่นเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาและความสงบของแผ่นดิน ทรงออก พ.ร.บ.ห้ามการซื้อขายฝิ่นทั้งดิบและสุก สั่งให้ส่งฝิ่นที่มีอยู่มาที่พระคลังเพื่อส่งออกนอกประเทศ หากฝ่าฝืนจะถูกจับ ปรับไหม 10 เท่า และนำฝิ่นไปขายนอกแผ่นดิน โดยมีจุดมุ่งหมายให้ประชาชนละเว้นความชั่วและแผ่นดินปราศจากเสี้ยนหนาม

แม้จะมีกองชำระจับปรับไหมมานานกว่า 10 ปี แต่การลักลอบซื้อขายฝิ่นยังคงมีอยู่ เนื่องจากพ่อค้าทั้งในและนอกประเทศยังนำฝิ่นเข้ามาแอบจำหน่าย ส่งผลให้เงินทองไหลออกนอกประเทศจำนวนมาก พระองค์จึงทรงตั้งกองชำระครั้งใหญ่ นำโดยพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนาง เช่น กรมหลวงรักษ์รณเรศ และเจ้าพระยาบดินทร์เดชา พร้อมสั่งสืบสวนจับกุมทั่วพระนครและหัวเมือง ทรงกำหนดโทษหนักถึงประหารชีวิต เพื่อตัดรอนฝิ่นให้สิ้นจากแผ่นดิน

พระองค์ยังทรงพระกรุณาให้โอกาสผู้มีฝิ่นนำมาส่งมอบโดยไม่ต้องรับโทษ ตามแบบอย่างการอภัยโจรใน พ.ศ. 2378 เพื่อให้กลับตัวเป็นคนดี พร้อมผ่อนปรนให้ค้าขายสินค้าอื่น เช่น ข้าว เกลือ และพริกไทยได้ตามปกติ การเผาฝิ่นที่ยึดได้จัดเป็นพิธีใหญ่ที่หน้าพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ โดยมีคำอธิษฐานขอเทวาอารักษ์ปกป้องแผ่นดิน ทรงมุ่งหวังให้ราษฎรมีชีวิตมั่งคั่งปราศจากภัยฝิ่นอย่างยั่งยืน

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3

มรดกให้ลูกหลานชาวสยาม "เงินถุงแดง"

หนึ่งในมรดกที่โดดเด่นของ ร.3 คือ "เงินถุงแดง" ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ทรงสะสมจากการค้าสำเภาและการบริหารภาษีอากร ทรัพย์นี้ถูกเก็บไว้ในถุงผ้าสีแดงจำนวนมาก คิดเป็นน้ำหนักหลายหมื่นชั่ง (1 ชั่งเท่ากับ 1,200 กรัม)

ทรงมีพระราชประสงค์ให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในยามที่บ้านเมืองต้องการ โดยทรงสั่งให้แยกจากท้องพระคลังทั่วไป ต่อมาในสมัย ร.5 เมื่อเกิดกรณีพิพาทดินแดนกับฝรั่งเศส (ร.ศ.112) ทรัพย์ถุงแดงนี้ถูกนำมาใช้เป็นค่าชดเชยเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ โดยเฉพาะการเจรจาคืนดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง

เงินถุงแดงจึงไม่เพียงสะท้อนพระปรีชาด้านการเงินของพระองค์ แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์อันยาวไกลที่ทรงเตรียมการเพื่ออนาคตของแผ่นดิน

นอกจากเงินถุงแดงแล้ว เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตในวันที่ 2 เม.ย.2394 พระราชกรณียกิจตลอดเกือบ 27 ปี ได้ทิ้งมรดกอันล้ำค่าไว้อีกหลายอย่าง เช่น วัดและศิลปะ เช่น วัดโพธิ์และโลหะปราสาท ที่กลายเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ยูเนสโกยอมรับ ความเป็นเอกราช ทรงรักษาสยามให้พ้นจากการตกเป็นอาณานิคมด้วยการทูตและการค้าที่เฉียบแหลม การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าสำเภาและการบริหารภาษีสร้างรากฐานความมั่งคั่งให้ชาติ และ พระราชานุสาวรีย์ สร้างเมื่อ พ.ศ.2541 ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ หน้าวัดราชนัดดาราม เป็นสัญลักษณ์แห่งการรำลึก

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2535 กำหนดให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี เป็น "วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า" หรือ "วันเจษฎา" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณและพระราชกรณียกิจที่ทรงสร้างประโยชน์แก่แผ่นดินไทยอย่างอเนกอนันต์

รู้หรือไม่ : สำเภาหลวงของ ร.3 เคยไปถึงอินเดีย นอกจากจีนแล้ว พระองค์ทรงส่งสำเภาไปค้าขายถึงเมืองกัลกัตตา นำผ้าไหมและเครื่องเทศกลับมา เป็นการเปิดเส้นทางใหม่ที่น่าทึ่ง

ที่มา : มูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ

อ่านข่าวอื่น : 

เช็กรอยร้าว อาคาร-บ้าน-คอนโด หลังแผ่นดินไหว แบบไหนอันตราย

แพทองธาร-ชัชชาติ ยืนยัน ไม่มี "แผ่นดินไหว" เพิ่มใน กทม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง