วันนี้ (31 มี.ค.2568) นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 เปิดเผยว่า น.ส.วีรยา โอชะกุล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า (สบอ.1 ปราจีนบุรี) ได้รับการประสานจากนายสถาพร ธีระวัฒน์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แจ้งว่า พบซากช้างป่า 1 ตัว บริเวณหลังวัดบ้านดง หมู่ที่ 1 ต.สาริกา อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก จึงขอการสนับสนุนทีมสัตวแพทย์จากส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า เข้าตรวจพิสูจน์ซากเพื่อหาสาเหตุการตายโดยด่วน

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
ทีมสัตวแพทย์จากส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.1 (ปราจีนบุรี) ได้เข้าตรวจสอบร่วมกับหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 13 (นางรอง) จิตอาสานครนายก ชุดเคลื่อนที่เร็วผลักดันช้างป่านครนายก นายก อบจ.นครนายก นายก อบต.สาริกา และผู้นำชุมชน พบซาก "เจ้าพลายงาเดียว" ช้างป่าตัวผู้อายุประมาณ 30 ปี นอนตายในลักษณะตะแคงซ้ายลงพื้น
จากการชันสูตรเบื้องต้น พบว่า ซากมีสภาพเน่าเหม็น คาดว่าตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง ไม่สามารถระบุร่องรอยการถูกทำร้ายได้ เนื่องจากซากเน่าเกินไป อวัยวะภายในเน่า แต่ตรวจพบว่ามีอาหารอยู่ภายในกระเพาะอาหารและพบอุจจาระในลำไส้

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
เจ้าหน้าที่ได้เก็บชิ้นเนื้อและอาหารจากกระเพาะ ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด รวมทั้งถอดงาทั้ง 2 ข้างนำไปเก็บรักษา ส่วนซากได้นำมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก่อนทำลายโดยการฝังกลบในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หน่วยพิทักษ์ฯ ที่ 13 (นางรอง) เรียบร้อยแล้ว

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
สำหรับ "เจ้าพลายงาเดียว" ก่อนหน้านี้เคยถูกพบว่ามีบ่วงติดอยู่ที่ปลายงวง ซึ่งบ่วงดังกล่าวเป็นอันตรายร้ายแรงต่อช้างป่า เนื่องจากงวงเป็นอวัยวะสำคัญที่ช้างใช้ในการหายใจ กิน ดื่ม และสื่อสาร เมื่อถูกบ่วงรัดนอกจากจะเกิดบาดแผลและความเจ็บปวดแล้ว อาจทำให้ช้างไม่สามารถกินอาหารและดื่มน้ำได้อย่างปกติ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ เกิดภาวะขาดน้ำ และอาจเกิดการติดเชื้อจากบาดแผลที่ถูกบ่วงบาด
ที่ผ่านมาทีมสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 ปราจีนบุรี ได้ช่วยกันปลดบ่วงออกจากงวงของพลายงาเดียว หลังจากนั้นได้ปล่อยให้พลายงาเดียวฟื้นจากยาสลบ และออกหากินตามธรรมชาติ แต่เพียง 7 คืนผ่านไป ช้างป่าตัวนี้ก็ถูกพบว่าล้มตายในจุดเดิมที่เจ้าหน้าที่เคยช่วยปลดบ่วงให้

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
แม้จะยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายที่แน่ชัดได้ แต่ทีมสัตวแพทย์คาดว่าบ่วงอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของช้าง โดยเฉพาะงวงได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนส่งผลต่อการกินอาหารและดื่มน้ำ หรืออาจเกิดการติดเชื้อจากบาดแผลที่ถูกบ่วงรัด ซึ่งอาการเหล่านี้อาจไม่แสดงออกในทันที แต่ส่งผลให้ช้างป่าอ่อนแอลงเรื่อย ๆ จนตายในที่สุด
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของการวางบ่วงดักสัตว์ป่า ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อสัตว์ป่าหลายชนิด โดยเฉพาะช้างป่าซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครอง นอกจากนี้การวางบ่วงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และมีบทโทษที่หนัก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงรอผลการตรวจพิสูจน์ทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันสาเหตุการตายที่แท้จริงของเจ้าพลายงาเดียวต่อไป
อ่านข่าว : นายกสภาวิศวกร ย้ำต้องระมัดระวังรื้ออาคารถล่ม เหตุเสี่ยงกระทบผู้ติดค้าง
บิ๊กอุทยานปัดลงขัน 10-50 ล้านเด้งหน.สิมิลัน ส่งคนคุมเก็บรายได้
เปิดเบื้องหลัง-สั่งย้าย! หน.อุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน หลังพบตั๋วไม่ตรงจำนวนนักท่องเที่ยว