ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. ลดลงต่อเนื่อง ทรัมป์ขึ้นภาษี 10% เสียหายแสนล้าน

เศรษฐกิจ
10 เม.ย. 68
16:42
169
Logo Thai PBS
ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. ลดลงต่อเนื่อง ทรัมป์ขึ้นภาษี 10% เสียหายแสนล้าน
อ่านให้ฟัง
07:44อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนมี.ค. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เหตุมีความกังวลขึ้นภาษีทรัมป์ กระทบเศรษฐกิจไทยทำฟื้นตัวช้า ม.หอการค้าไทยประเมิน ความเสียหายจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ 10% จะทำให้ไทยสูญเสียมูลค่าการส่งออก 1-1.5 แสนล้านบาท

วันนี้ ( 10 เม.ย.2568) นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงอยู่ที่ระดับ 56.7 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 6 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจากนโยบาย Trump 2.0 ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยและทั่วโลกปรับตัวลดลง แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลแต่ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้า

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

โดย ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 50.5 54.2 และ 64.4 ตามลำดับ ปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนก.พ. ที่อยู่ในระดับ 51.5 55.2 และ 66.7 ตามลำดับ

ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ และค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง

อย่างไรก็ตาม ยังงต้องจับตาในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. ว่า เศรษฐกิจจะมีการซึมตัวหรือไม่ หลังทรัมป์ มีการขยายการขึ้นภาษีตอบโต้ทุกประเทศโดยขยายออกไป 90% ดังนั้น การเก็บภาษีนำเข้าไทย 36% จะยังไม่มีผล โดยขณะนี้ ยังมีผลเฉพาะการประกาศขึ้นภาษี 10% เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา

ตอนนี้ทุกประเทศถูกสหรัฐขึ้นภาษี 10% ส่งผลให้การค้าทั่วโลกมีความระมัดระวังมากขึ้น สิ่งที่ต้องจับตาคือสหรัฐและจีนที่มีสงครามการขึ้นภาษีระหว่างกัน ดังนั้นต้องติดตามว่า ทีมไทยแลนด์จะต้องเดินหน้าเจรจา ออกมาในทิศทางใด โอกาสที่สหรัฐจะลดภาษีนำเข้าจากไทย 0% เป็นไปได้ยากเนื่องจากไทยเป็นประเทศที่เกินดุลสหรัฐ

ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวอีกว่า หอการค้าฯการประเมินว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะอยู่ที่ 1-1.5 แสนล้านบาท กระทบต่อการจีดีพีไทย 0.7-0.9% ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในเบื้องต้น เพราะว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด

ยังต้องรอติดตามในช่วง 90 วันว่าสหรัฐจะดำเนินการอย่างไรอีกหรือไม่ รวมไปถึงการเดินหน้าเจรจาของไทย เพราะสหรัฐประกาศการขึ้นภาษีเพื่อตั้งใจให้มีการเจรจาต่อรอง เพราะโอกาสที่สหรัฐได้รับผลกระทบ หรือแรงกดดันภายในประเทศยังมี ทั้งเรื่องของเงินเฟ้อการว่างงานอยู่

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องมีการเก็บข้อมูลและหารือกับทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชน เกษตรกร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบรวมไปถึงการดูท่าทีระหว่างสหรัฐกับจีนด้วย ในช่วง 1-3 เดือนจากนี้ เพราะการขึ้นภาษีของสหรัฐในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกคิดเป็น 80% ของจีดีพีโลก เพียงแค่สหรัฐ ยุโรปและจีน ก็ถือว่าเป็นกลุ่มประเทศที่มีจีดีพีโลกถึง 70%

ทั้งนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศยังเห็นว่าการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นสิ่งที่ต้องเดินหน้า รวมไปถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขององค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อให้เกิดการจ้างงาน ส่วนนโยบายการเงินก็จำเป็นจะต้องดูและหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแโดยบงก์ชาติ โดยยังเห็นว่าการลดดอกเบี้ยในตอนนี้ ยังไม่จำเป็นเร่งด่วน แต่หากจำเป็นก็ต้องมีการพิจารณารวมไปถึงการใช้นโยบายการคลังเข้ามาช่วยเหลือด้วย

การส่งออกในปีนี้มองว่ายังขยายตัว 3% ส่วนการเติบโตของจีดีพีจะอยู่ในกรอบ 2-2.5% แต่จำเป็นต้องมีการประเมินอีกครั้ง รวมไปถึงการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าเป้าที่ตั้งไว้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยประมาณ 38 ล้านคน มีโอกาสจะไม่ถึงจากผลกระทบที่เกิดขึ้น

ด้านนายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจากนโยบาย Trump 2.0 ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยและทั่วโลกปรับตัวลดลง แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลแต่ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้า

นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

รวมไปถึง ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง

สำหรับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมากมากขึ้น การส่งออกขยายตัว ราคาน้ำมันขายปลีกลดลงราคา พืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น

ส่วนปัจจัยลบ เช่น ความกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐและการตอบโต้ของต่างประเทศ ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า ความกังวลต่อแผ่นดินไหว ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ เงินบาทอ่อนค่าลง ราคาข้าว อ้อย มันสำปะหลัง อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อรายได้เกษตรกร ความกังวลต่อสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และความกังวลต่อสถานการณ์ภัยแล้ง

 อ่านข่าว:

"สงครามการค้า" ทรัมป์ ขยี้ตลาดเงิน-ทองคำ-หุ้น สะเทือนลงทุนโลก

ทางออกการค้าไทย รับมือภาษีทรัมป์ “พาณิชย์”เร่งปิด FTA ไทย-EU

 "สงครามการค้า"ป่วนโลก ดัน "ทองคำ" ครึ่งเช้าพุ่ง 600 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง