ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รีไฟแนนซ์ VS รีเทนชัน เปรียบเทียบชัด ๆ เพื่อวางแผนการเงินที่ลงตัว

ไลฟ์สไตล์
16 เม.ย. 68
08:00
80
Logo Thai PBS
รีไฟแนนซ์ VS รีเทนชัน เปรียบเทียบชัด ๆ เพื่อวางแผนการเงินที่ลงตัว
รีไฟแนนซ์และรีเทนชัน คือ 2 วิธีที่ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ให้เหมาะกับเป้าหมายการเงิน แต่ทั้งคู่คืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร และควรเลือกแบบไหน ? มาดูข้อดีข้อเสีย พร้อมเคล็ดลับโปะหนี้ให้หมดไว

สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อสินทรัพย์มูลค่าสูง เช่น บ้าน ที่อยู่อาศัย หรือ รถยนต์ แต่ไม่มีเงินสดก้อนใหญ่ การกู้สินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินมักเป็นทางเลือกที่นิยม สินเชื่อช่วยให้สามารถผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ได้ตามกำลังทรัพย์ โดยธนาคารจะคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด ซึ่งอาจเป็นดอกเบี้ยคงที่หรือลอยตัว

อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่อนไปสักระยะ เช่น 3-5 ปี ผู้กู้มักเผชิญกับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หรือภาระผ่อนที่หนักเกินไป ทำให้ต้องมองหาวิธีจัดการหนี้ให้ดีขึ้น

"รีไฟแนนซ์-รีเทนชัน" ทางเลือกเมื่อครบกำหนด

เมื่อครบกำหนดระยะโปรโมชันดอกเบี้ยต่ำ เช่น 3 ปีแรกของสินเชื่อบ้าน หรือเมื่อรู้สึกว่าดอกเบี้ยเริ่มสูงเกินไป ธนาคารมักติดต่อมาเพื่อเสนอทางเลือก 2 ทาง คือ รีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชัน ทั้ง 2 วิธีนี้ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การเงินของผู้กู้ แต่มีรายละเอียดและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

รีไฟแนนซ์ คืออะไร ?

รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การกู้เงินก้อนใหม่จากธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ เพื่อชำระหนี้ก้อนเดิม โดยจุดมุ่งหมายคือการได้เงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ระยะเวลาผ่อนที่นานขึ้น หรือยอดผ่อนต่อเดือนที่ถูกลง รีไฟแนนซ์มักใช้กับสินเชื่อบ้าน รถยนต์ หรือหนี้บัตรเครดิต

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์

  1. ศึกษาโปรโมชัน เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขจากหลายธนาคาร
  2. เตรียมเอกสาร เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สัญญาเงินกู้เดิม สลิปเงินเดือน รายการเดินบัญชี 6 เดือน
  3. ยื่นขอสินเชื่อ ติดต่อธนาคารใหม่เพื่อสมัครสินเชื่อรีไฟแนนซ์
  4. ประเมินหลักทรัพย์ ธนาคารจะตรวจสอบมูลค่าบ้านหรือรถยนต์ที่เป็นหลักประกัน
  5. อนุมัติและโอนหนี้ ธนาคารใหม่ชำระหนี้เดิม และเริ่มสัญญาใหม่
  6. ชำระค่าธรรมเนียม เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ (3,000-5,000 บาท) ค่าจดจำนอง (ร้อยละ 1 ของวงเงิน) หรือค่าปรับไถ่ถอน (ร้อยละ 2-3) ตัวเลขเหล่านี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร

ข้อดีของรีไฟแนนซ์

  • ลดดอกเบี้ยได้มาก เช่น จากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 3 ช่วยประหยัดยอดผ่อนต่อเดือน
  • เลือกธนาคารที่มีข้อเสนอดีที่สุดในตลาดได้
  • ปรับเงื่อนไขสัญญา เช่น ขยายระยะเวลาผ่อนหรือรวมหนี้หลายก้อน
  • มีโอกาสขอวงเงินเพิ่ม หากมูลค่าหลักทรัพย์สูงขึ้น

ข้อเสียของรีไฟแนนซ์

  • มีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าประเมิน ค่าจดจำนอง หรือค่าปรับไถ่ถอนก่อนกำหนด
  • ใช้เวลาเตรียมเอกสารและรออนุมัติ (2-4 สัปดาห์)
  • หากเครดิตไม่ดี อาจได้เงื่อนไขที่ไม่ดีหรือไม่ผ่านอนุมัติ
  • ระยะเวลาผ่อนที่นานขึ้น อาจทำให้จ่ายดอกเบี้ยรวมมากกว่าเดิม
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

รีเทนชัน คืออะไร ?

รีเทนชัน (Retention) คือ การเจรจากับธนาคารเดิมที่กู้อยู่ เพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยหรือปรับเงื่อนไขสัญญา เช่น ขยายระยะเวลาผ่อน โดยไม่ต้องย้ายไปธนาคารใหม่ มักเกิดขึ้นเมื่อครบกำหนดโปรโมชันดอกเบี้ยต่ำ หรือเมื่อผู้กู้แสดงเจตจำนงจะรีไฟแนนซ์ไปที่อื่น

ขั้นตอนการรีเทนชัน

  1. ติดต่อธนาคาร แจ้งความต้องการขอลดดอกเบี้ยหรือปรับเงื่อนไข
  2. ยื่นข้อมูลเพิ่มเติม บางครั้งอาจต้องใช้สลิปเงินเดือนหรือเอกสารการเงินล่าสุด
  3. เจรจาเงื่อนไข ธนาคารพิจารณาจากประวัติการผ่อนและสถานะเครดิต
  4. รอผลอนุมัติ มักใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ เร็วกว่ารีไฟแนนซ์
  5. เซ็นสัญญาใหม่ หากตกลงได้ จะปรับเงื่อนไขในสัญญาเดิม

ข้อดีของรีเทนชัน

  • ขั้นตอนง่าย ไม่ต้องยื่นเอกสารมาก เพราะธนาคารมีข้อมูลเดิม
  • ค่าใช้จ่ายต่ำหรือไม่มีเลย บางธนาคารยกเว้นค่าธรรมเนียม
  • อนุมัติเร็วกว่า ไม่ต้องประเมินหลักทรัพย์ใหม่
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวกและไม่อยากเปลี่ยนธนาคาร

ข้อเสียของรีเทนชัน

  • ดอกเบี้ยลดลงน้อยกว่ารีไฟแนนซ์ (เช่น ลดร้อยละ 0.5-1 เทียบกับร้อยละ 1-2 ของรีไฟแนนซ์)
  • เงื่อนไขจำกัด ขึ้นอยู่กับนโยบายธนาคารเดิม
  • ไม่สามารถเพิ่มวงเงินกู้หรือเปลี่ยนสัญญาได้มากนัก
  • หากธนาคารไม่ยอมลดดอกเบี้ย อาจต้องยอมรับเงื่อนไขเดิม
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

รีไฟแนนซ์ VS รีเทนชัน แล้วควรเลือกอะไรดี ?

การเลือกระหว่างรีไฟแนนซ์และรีเทนชันไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับทุกคน เพราะทั้ง 2 วิธีมีข้อดีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงิน เป้าหมาย และข้อจำกัดของแต่ละคนในช่วงเวลานั้น เช่น ผู้ที่มีรายได้มั่นคงและเครดิตดีอาจได้ประโยชน์จากรีไฟแนนซ์มากกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีเวลาจำกัดหรือไม่อยากยุ่งยากอาจเหมาะกับรีเทนชันมากกว่า

การตัดสินใจควรพิจารณาจากความต้องการส่วนตัว เช่น ต้องการลดดอกเบี้ยมาก ๆ หรือแค่ปรับยอดผ่อนให้สบายขึ้น รวมถึงความพร้อมในการจัดการ

  • เลือกรีไฟแนนซ์ ถ้าต้องการลดดอกเบี้ยให้ต่ำลงมาก เช่น จากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 3 มีเครดิตดีและเวลาเตรียมเอกสารเพื่อยื่นกู้ใหม่ อยากรวมหนี้หลายก้อนหรือขอวงเงินเพิ่ม อัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำกว่าที่จ่ายอยู่มาก
  • เลือกรีเทนชัน ถ้าต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ไม่ยุ่งยากกับการยื่นกู้ใหม่ พอใจกับการลดดอกเบี้ยเล็กน้อย เช่น ร้อยละ 0.5-1 ไม่ต้องการเปลี่ยนธนาคารหรือเริ่มกระบวนการจากศูนย์ เครดิตหรือรายได้อาจไม่เพียงพอสำหรับรีไฟแนนซ์

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้กู้ควร คำนวณให้ชัด เพื่อเปรียบเทียบดอกเบี้ยที่ประหยัดได้กับค่าใช้จ่าย เจรจาอย่างมีข้อมูล โดยการหาข้อมูลโปรโมชันจากธนาคารอื่นเพื่อใช้เป็นข้อต่อรองในการรีเทนชัน หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ส่วนตัว และที่สำคัญควรเช็กข้อมูลล่าสุดของดอกเบี้ยตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

"โปะหนี้" เคล็ดลับ ผ่อนหมดไว ไม่จ่ายดอกเบี้ยแพง

การโปะหนี้ คือ การชำระเงินเพิ่มจากยอดผ่อนปกติ เพื่อลดยอดเงินต้นให้เร็วขึ้น ซึ่งช่วยประหยัดดอกเบี้ยรวมและทำให้หนี้หมดไวขึ้น การโปะหนี้เหมาะกับผู้ที่มีรายได้พิเศษ เช่น โบนัส หรือเงินก้อนจากงานเสริม

วิธีโปะหนี้ให้มีประสิทธิภาพ

  1. แจ้งธนาคาร ระบุชัดว่าต้องการชำระเงินต้น ไม่ใช่ดอกเบี้ยหรือยอดผ่อนล่วงหน้า
  2. โปะเมื่อมีเงินก้อน เช่น ใช้เงินโบนัสหรือเงินปันผลมาชำระเงินต้น
  3. เพิ่มยอดผ่อนรายเดือน หากมีรายได้เพิ่ม ลองเพิ่มยอดผ่อนเล็กน้อย เช่น จาก 10,000 เป็น 12,000 บาท
  4. โปะในช่วงต้นสัญญา จะช่วยลดดอกเบี้ยรวมได้มาก
  5. รักษาวินัย ตั้งเป้าโปะเป็นประจำ เช่น ทุก 3 เดือน เพื่อเห็นผลชัดเจน

ตัวอย่าง : สมมติสินเชื่อบ้าน 3,000,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 4 สัญญาผ่อน 30 ปี ยอดผ่อนปกติประมาณ 15,000 บาท/เดือน หากโปะเงินต้น 50,000 บาททุกปี จะลดระยะเวลาผ่อนได้ 5-7 ปี และประหยัดดอกเบี้ยรวมเกือบ 500,000 บาท (ตัวอย่างนี้เป็นเพียงหลักการเท่านั้น รายละเอียดควรปรึกษาธนาคารอีกครั้ง)

ทั้งนี้ ผู้กู้ควรตรวจสอบเงื่อนไขสัญญา เพราะบางธนาคารอาจมีค่าปรับหากชำระเงินต้นก่อนกำหนด อย่าโปะจนกระทบเงินสำรองฉุกเฉิน ควรมีเงินออมอย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่าย หากโปะไม่ไหว ให้มุ่งรักษาการผ่อนปกติก่อน เพื่อไม่ให้เสียเครดิต

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ที่มา : สมาคมธนาคารไทย, เว็บไซต์ธนาคารพาณิชย์ (ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย)

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง