วันนี้ (18 เม.ย.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชุมและรับฟังรายงานผลการตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พิสูจน์หลักฐานกลาง และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าวว่า วันนี้ได้ติดตามความคืบหน้าตึก สตง.ถล่ม โดยได้รับรายงานจากตำรวจ และดีเอสไอ จึงขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ให้ความร่วมมือกับตำรวจให้มากกว่านี้ และยังมีเรื่องเอกสารหลักฐานสำคัญค่อนข้างได้รับช้า เพราะเรื่องนี้รอไม่ได้ ต้องเร่งหาหลักฐานและเหตุผลให้ครบ เพื่อให้มีข้อมูลที่สามารถรับผิดชอบต่อชีวิตที่เสียไปจำนวนมากในครั้งนี้ด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอความร่วมมือจาก สตง. และการรายงานผลจากคณะกรรมการตรวจสอบว่ามีการผิดสัญญา แต่ไม่มีการยกเลิกสัญญาในเวลาที่กำหนด ตั้งแต่เดือน ม.ค.2568 ซึ่งต้องขอดูเอกสารเพิ่มเติมในส่วนนี้ และข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรธรณี ถึงผลกระทบจากแผ่นดินไหวว่า กทม. ได้รับผลกระทบมากกว่าปกติหรือไม่ เหตุใดจึงเกิดตึกถล่มในครั้งนี้

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะมีการขอความร่วมมือจากกรมบัญชีกลาง ที่เป็นหน่วยงานในการควบคุมมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้าง ในการดูคุณภาพของวัสดุก่อสร้าง เพื่อชี้วัดและมีอำนาจในการบอกเลิกสัญญา รวมถึงกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นหน่วยงานที่ร่วมตรวจรับการออกแบบการก่อสร้าง และการตรวจรับงาน
ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในความเสียหายนี้ ต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้องในการตรวจรับจากกรมโยธาธิการในตึก สตง.ที่ผ่านมา ควรจะแยกออกจากกระบวนการการสืบสวนด้วย
ขณะนี้ดีเอสไอกำลังดำเนินคดีถึงมาตรฐานของเหล็ก และคุณภาพของปูนที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการแก้ไขแบบที่แกนกลางของ Core Wall และ Core lifts ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของตึก แต่ไม่มีการเสริมเหล็กทำให้เกิดความเสี่ยงในอาคาร รวมถึงการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการฮั้วประมูล
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตนเองจะเน้นย้ำเรื่องนี้ใน ครม.อีกครั้ง และต้องการให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ปล่อยมือจากเรื่องนี้เลย ส่วนตัวตนเองรับเรื่องนี้ไม่ได้กับการที่มีคนเสียชีวิตไปด้วยเหตุผลที่มีตึกถล่ม 1 แห่ง ส่วนการทำโมเดล
การจะสรุปสิ่งใดในวันนี้ ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอ หาหลักฐานที่ชัดเจนก่อน หากตนเองพูดก่อนก็อาจถูกฟ้องร้องได้ แต่ตนเองได้แจ้งแล้วว่าหากมีหลักฐานเพียงพอให้ออกหมายจับได้เลย
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือน้อยนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือไม่เต็มที่ ก็ต้องถูกตั้งข้อสังเกตอยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการปลอมลายเซ็น ว่า มีบางคนแจ้งว่าลายเซ็นถูกปลอมแปลง ซึ่งต้องตรวจสอบว่าถูกปลอมแปลงจริงหรือไม่ ส่วนแบบแปลนที่มีปรับแก้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลักฐานบางอย่างที่ออกมาแล้ว ตนเองขอให้มีข้อมูลครบถ้วนกว่านี้ แต่ก็เป็นไปตามที่สื่อรายงาน และตนเองไม่แน่ใจว่ามีใครเซ็นบ้าง
“หัวหน้าชุดสืบสวนนครบาล” ย้ำใครทำผิดก็ดำเนินคดี
ขณะที่ พล.ต.ท.สมประสงค์ เปิดเผยหลังประชุมว่า ไม่ได้พบกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ในวงประชุมชุดที่ 2 ส่วนการออกหมายจับขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีกี่คน และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน จึงขอเวลาทำงานสักนิด
เท่าที่พูดคุยคาดว่าใช้เวลา 7 วันในการออกหมายจับ แต่หากไม่ทันสามารถขยายเวลาออกไป เพราะมีหลายเรื่องต้องใช้หลักฐาน
ส่วนจะออกหมายจับเจ้าหน้าที่ สตง.ด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ท.สมประสงค์ ระบุว่า หากรวมพยานหลักฐานแล้วเกี่ยวข้องกับความผิดมาตราใด หรือใครกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีกับทุกคน
ส่วนกรณีความกังวลของสังคมถึงการเอาผิดกับบริษัทที่รับงานมากกว่าหน่วยงานรัฐอย่าง สตง.ที่เป็นผู้อนุมัติแบบ และใช้งบประมาณนั้น พนักงานสอบสวนจึงต้องรวมหลักฐานให้พิสูจน์ทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวกระทำผิดกฎหมายใด ตำรวจขอความชัดเจนมากกว่านี้จึงจะให้ข้อมูลเพิ่มได้ อีกทั้งการออกหมายจับก็ต้องขอศาลพิจารณาอีกด้วย
อ่านข่าว : ตร.จ่อออกหมายเรียก "ลูกพีช" คดีขับรถหรูชนกระบะบนทางด่วน