ลำดับพิธีพระศพ "เรียบง่ายแต่เปี่ยมความหมาย"
พิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกออกแบบให้เน้นความเรียบง่ายและการมีส่วนร่วมของสาธารณชน ตามพระประสงค์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม โดยมีขั้นตอนสำคัญ ดังนี้
- การเตรียมและอัญเชิญพระศพ
หลังจากการสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2568 สำนักวาติกันได้จัดเตรียมพระศพของพระสันตะปาปาฟรานซิสอย่างพิถีพิถัน พระศพถูกประดิษฐานในโลงพระศพแบบเปิด โดยพระองค์สวมฉลองพระองค์สีแดงประดับด้วยผ้าคลุมไหล่สีขาว และสวมหมวกไมเตอร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งพระสันตะปาปา ต่อมาวันที่ 23 เม.ย. ขบวนอัญเชิญพระศพเริ่มต้นจากโบสถ์คาซา ซานตา มาร์ตา สถานที่ประทับของพระองค์ ผ่านจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์อันกว้างใหญ่ ท่ามกลางประชาชนนับหมื่นที่มาร่วมส่งเสด็จด้วยความโศกเศร้า

- การถวายความอาลัยในมหาวิหาร
ตั้งแต่วันที่ 23-25 เม.ย. พระศพถูกประดิษฐานในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เปิดให้สาธารณชน ผู้นำศาสนา และตัวแทนจากนานาชาติเข้ามาถวายความเคารพเป็นเวลา 3 วัน คาดว่ามีผู้เข้าร่วมนับแสนคน โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อให้พิธีดำเนินไปอย่างราบรื่น
- พิธีปลงพระศพ 26 เม.ย.
พิธีปลงพระศพจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 26 เม.ย.2568 เวลา 09.00 น. ตามเวลานครวาติกัน หรือตรงกับเวลา 15.00 น. ประเทศไทย ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งเป็นพิธีกลางแจ้งเพื่อรองรับผู้เข้าร่วมจำนวนมาก โดยมีเจ้าคณะพระคาร์ดินัล เป็นผู้ประกอบพิธี
พิธีจะเน้นบทสวดและการรำลึกถึงคุณงามความดีของพระสันตะปาปา ผู้ทรงยึดมั่นในความเมตตาและความยุติธรรม โดยไม่มีเครื่องประดับหรือการตกแต่งที่หรูหราเกินจำเป็น ตามพระประสงค์ที่ต้องการให้งานศพสะท้อนความถ่อมตน

- ฝังพระศพ ณ มหาวิหารซานตา มาเรีย มัจโจเร
หลังพิธีปลงพระศพ พระศพจะถูกเคลื่อนไปยังมหาวิหารซานตา มาเรีย มัจโจเร ในกรุงโรม ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเลือกไว้สำหรับการฝังพระศพ เนื่องจากมีความผูกพันส่วนตัวกับสถานที่นี้ โดยพระองค์เคยเสด็จมาสวดภาวนาที่นี่บ่อยครั้ง การฝังพระศพจะเป็นพิธีเรียบง่าย โดยป้ายหลุมศพสลักเพียงคำว่า "Franciscus" ในภาษาลาติน และไม่มีเครื่องประดับเพิ่มเติม การเลือกฝังที่นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปีที่พระศพของพระสันตะปาปาไม่ได้ถูกฝังในนครวาติกัน
- ผู้นำโลกและตัวแทนไทยร่วมพิธี
พิธีนี้จะมีผู้นำและตัวแทนจากทั่วโลกเข้าร่วม รวมถึงตัวแทนจากประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร มอบหมายให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย เพื่อถวายความอาลัยในนามของประชาชนชาวไทย

โลงพระศพ "เรียบง่ายที่ซ่อนความพิเศษ"
โลงพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สะท้อนถึงตัวตนของพระองค์ โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
วัสดุและการออกแบบ : โลงพระศพทำจากไม้สนคุณภาพสูง ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในพิธีพระศพของพระสันตะปาปามานานหลายศตวรรษ ดีไซน์เรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งด้วยโลหะมีค่าหรืออัญมณี เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตอันถ่อมตนของพระสันตะปาปาฟรานซิส
สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ : ด้านในโลงบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดง ซึ่งเป็นสีที่สื่อถึงความรักและการเสียสละของพระเยซูคริสต์ บนโลงประดับด้วยไม้กางเขนสีเงินขนาดเล็ก และสลักตราประจำตำแหน่งพระสันตะปาปา (ตราพระสันตะปาปาคือกุญแจสองดอกไขว้กัน หมายถึงอำนาจฝ่ายวิญญาณและฆราวาส)
โลงสามชั้น : ตามประเพณีของพระสันตะปาปา พระศพจะถูกฝังในโลงสามชั้น โดยโลงชั้นแรกทำจากไม้สน (ใช้ในพิธีแห่และถวายความอาลัย) โลงชั้นที่สองทำจากตะกั่ว ซึ่งมีน้ำหนักเบาและปิดผนึกอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการเน่าเปื่อย และโลงชั้นนอกสุดทำจากไม้โอ๊กที่มีความทนทานสูง เพื่อปกป้องโลงทั้งสองชั้นในระยะยาว

เอกสารประวัติศาสตร์ : ภายในโลงตะกั่วจะมีการใส่ "Rogit" ซึ่งเป็นเอกสารม้วนที่บันทึกประวัติและผลงานของพระสันตะปาปาฟรานซิสในภาษาลาติน รวมถึงเหรียญตราประจำรัชสมัยของพระองค์ ที่ทำจากทองคำ เงิน และทองแดง เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการจดจำ
ความพิเศษส่วนตัว : สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงระบุให้ใส่ผ้าคลุมไหล่ที่พระองค์ทรงใช้ในพิธีมิสซาครั้งแรกหลังได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาในปี 2556 ไว้ในโลงด้วย ซึ่งเป็นการแสดงถึงความผูกพันกับจุดเริ่มต้นของการรับใช้คริสตจักร
สุดท้ายนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็นที่รักของผู้คนทั่วโลก ในฐานะผู้นำที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและความถ่อมตน พิธีพระศพครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองมรดกที่พระองค์ทรงสร้างไว้ เช่น การปฏิรูปคริสตจักร การรณรงค์เพื่อความยุติธรรมทางสังคม และการปกป้องสิ่งแวดล้อม

ที่มา : Vatican News, Reuters
อ่านข่าวอื่น :
ธปท.แจ้ง ขยายเวลาลงทะเบียน "คุณสู้ เราช่วย" ถึง 30 มิ.ย.68
เครื่องบินเล็กตกในทะเลชะอำ เบื้องต้นมีรายงานเสียชีวิต 5 เจ็บ 1 คน