รมว.ต่างประเทศรับจ่อโยกย้ายข้าราชการหลายตำแหน่ง

รมว.ต่างประเทศ ยอมรับว่า จะมีการโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงหลายตำแหน่ง โดยจะยึดหลักอาวุโสเป็นสำคัญ ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังไม่ทราบข่าวการเปลี่ยนตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ พร้อมย้ำถึงการเดินทางไปกัมพูชายึดการเจรจาเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ หลังได้รับคำเขิญจาก พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาโดยจะมีการหารือถึงการเตรียมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย- กัมพูชา หรือ จีบีซี ซึ่งหากทุกอย่างมีความพร้อมจะสามารถประชุมได้ภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมยืนยันว่า การดำเนินการใดของรัฐบาลจะไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ขณะเดียวกันได้ปฎิเสธให้ความเห็นกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ โดยระบุว่าเป็นเรื่องทางกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก มองว่า การปรับเปลี่ยนข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปํญหาไทย-กัมพูชา เนื่องจากการแก้ไขปัญหาไม่จำเป็นต้องยึดติดกับตัวบุคคล

ด้านนายอัษฎา ชัยนาม เปิดเผยว่า ได้ถูกถอดถอนออกจากการทำหน้าที่หัวหน้าคณะกรรมาธิการเขตแดนชายแดนไทย-กัมพูชาหรือ เจบีซี แล้วตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการชี้แจงอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุการถอดถอน และ พร้อมยอมรับการตัดสินใจของกระทรวงการต่างประเทศ แต่เป็นกังวลเกี่ยวกับการโยกย้ายข้าราชการประจำที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของชาติมาตลอด

ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่าจะยังใช้คณะทำงานเดิมที่มีการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลโลก พร้อมยอมรับว่า จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงหลายตำแหน่งเนื่องจากการเกษียณอายุราชการโดยจะยึดหลักอาวุโสเป็นสำคัญ

ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีมีมติยกเลิกคณะกรรมการเจรจากรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่มีนายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม เป็นประธานซึ่งรัฐบาลเดิมมีมติตั้งขึ้น