นัดฟังคำตัดสินคดีค้าสุนัข 26 ก.ย.

หลังตำรวจตรวจยึดรถบรรทุกสุนัขของขบวนการค้าสุนัขได้ที่จังหวัดนครพนมพร้อมควบคุมตัวผู้กระทำความผิดไว้ได้ ซึ่งการจับกุมครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ตำรวจสามารถช่วยสุนัขกว่า 1,000 ตัว ก่อนที่จะถูกลำเลียงส่งไปขายยังประเทศเวียดนาม โดยผู้กระทำความผิด ศาลจังหวัดนครพนมได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (26 ก.ย.) เวลา 10.00 น.

 

สำหรับคำพิพากษาของศาลในวันนี้ (26 ก.ย.) ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ เนื่องจากที่ผ่านมาคดีลักษณะนี้ศาลจะลงโทษปรับและให้คืนของกลางตามกฎหมาย ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหารวม 3 คือ นายมนตรี พันกลาง อายุ 37 ปี คนขับรถบรรทุก, นายตรั่น วันหาย อายุ 35 ปี ชาวเมืองแทง-ฮวา ประเทศเวียดนาม และนายนภดล ชัยวังราช โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ถูกจับกุมได้พร้อมของกลางเป็นรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ 4 คัน กรงเหล็กใส่สุนัขอีก 200 กรง พร้อมสุนัขมีชีวิตขณะตรวจยึดได้ 1,260 ตัว

 

ส่วนการบาดเจ็บของสุนัขที่ตำรวจตรวจยึดได้ นับจนถึงวันนี้ (26 ก.ย.) ก็เป็นเวลา 1 เดือนกับอีก 14 วัน ซึ่งสุนัขของกลางได้ทยอยตายลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ย. มีสุนัขเหลือรวมทั้งสิ้น 770 ตัว

 

มีรายงานว่า อาการของสุนัขประกอบด้วยอาการ 4 กลุ่ม คือ โรคติดเชื้อจากไวรัส ได้แก่ โรคหัดสุนัขและสำไส้อักเสบ, กลุ่มโลหิตจาง, กลุ่มโรคผิวหนัง และ กลุ่มภาวะขาดสารอาหาร

 

นายชูศักดิ์ พงษ์พานิชย์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์นครพนม เปิดเผยว่า นับตั้งแต่รับสุนัขมาดูแล จนถึงปัจจุบัน มีสุนัขตายสะสมแล้วรวม 446 ตัว ส่วนใหญ่ที่ตาย เนื่องจากบอบช้ำจากการขนส่ง และสุนัขบางตัวเป็นโรค โดยเฉลี่ยแล้วจะต้องใช้งบประมาณในการบริหารคอกสุนัขต่อวัน เป็นจำนวนเงินสูงกว่า 40,000 บาท ซึ่งได้มีการทำเป็นตัวเลขออกมาแล้ว คือต้องจ่ายเป็นค่าอาหารสุนัขเป็นข้าวสุกคลุกกับเนื้อต้มเป็นเงิน 14,400 บาทต่อวัน นอกจากนั้นยังมีค่าอาหารและเครื่องดื่มของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดตกวันละ 14,600 บาท ค่าไฟฟ้า 183 บาท ค่าจ้างพนักงานประจำคอกวันละ 2,566 บาท ค่าเวชภัณฑ์สำหรับฟื้นฟูสุขภาพสุนัขอีกวันละ 11,189 บาท รวมแล้วมีรายจ่าย 42,938 บาทต่อ 1 วัน ดังนั้นหากศาลพิพากษาให้คืนของกลางเหมือนในคดีที่ผ่านมา ผู้ที่จะมาแสดงตนรับของกลางคืนจะต้องจ่ายเงินจำนวนนี้เสียก่อน ซึ่งรวมแล้วเป็นเงินนับล้านบาท แต่หากไม่มีผู้มาแสดงตนขอรับสุนัขของกลาง ก็สามารถมอบสุนัขเหล่านี้ให้แก่บุคคลที่รักสุนัขนำไปเลี้ยงดูได้