ชื่อของ "บ้านครูน้อย" สถานรับเลี้ยงเด็กยากจน ในชุมชนซอยราษฏร์บูรณะ 26 ถูกพูดถึงอีกครั้งหลังมีกระแสข่าวว่าจะปิดตัวลงเพราะไม่มีงบประมาณเลี้ยงดูเด็ก 65 คน ที่เป็นสมาชิกอยู่ 5 ปีที่ผ่านมาบ้านครูน้อย เคยประสบปัญหานี้มาแล้ว และได้รับการช่วยเหลือจากหลายหน่วยงาน ทั้งเรื่องการเงิน และให้แนวทางการจัดระบบรายรับ รายจ่าย ให้มีความชัดเจน ทำให้ที่นี่เดินหน้าช่วยเหล็กเด็กที่ขาดโอกาสเรียนหนังสือได้ต่อไป
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ระบุว่า เคยเข้าไปจัดระบบการเงินของบ้านครูน้อยมา 2 ปี ทำให้ที่นี่มีเงินเก็บมากถึง 2,000,000 บาท จากนั้นได้ให้ทางบ้านครูน้อยบริหารจัดการเอง โดยให้แนวทางการให้เงินช่วยเหลือกับเด็กที่ขาดโอกาส ซึ่งต้องมีการคัดเลือกและต้องให้ตามความเหมาะสม นายวัลลภ ระบุอีกว่า ควรจะให้ความช่วยเหลือกับเด็กที่ได้ขาดแคลนอย่างแท้จริง แต่หากเด็กที่เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยควรจะปล่อยให้กู้เงินของทางรัฐบาลศึกษาต่อ และให้เขาอยู่กับครอบครัวเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย
สอดคล้องกับนางระรินทิพย์ ศิโรรัตน์ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระบุว่า หากบ้านครูน้อยจำเป็นต้องปิดตัวลง กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ก็จะลงพื้นที่ ชุมชนเพื่อดูแลถึงความเดือดร้อนของแต่ละครอบครัว แต่แนะว่าหากเด็กมีพ่อแม่ควรอยู่กับครอบครัว
ปัจจุบันทั่วประเทศมีสถานรับเลี้ยงเด็กที่ภาคเอกชนดูแลให้ความช่วยเหลือและมาขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพัฒนาสังคมฯ มีจำนวน 1,590 แห่ง และสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน 140 แห่ง ซึ่งทุกแห่งกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จะเข้าไปช่วยเหลือทั้งการพัฒนาความรู้รวมทั้งค่าใช้จ่าย สำหรับบางแห่งที่มีค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ