รัฐบาลย้ำพร้อมเปิดรับจำนำข้าว 7 ต.ค.นี้
รัฐบาลพร้อมเปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปีทุกพื้นที่ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ และมั่นใจมีมาตรการป้องกันการทุจริตเป็นอย่างดี ขณะที่พบความเคลื่อนไหวของโรงสีบางแห่งที่รับซื้อข้าวชาวนามาเก็บไว้ เพื่อกินส่วนต่างจากโครงการรับจำนำ
ขณะนี้พบความเคลื่อนไหวก่อนที่โครงการรับจำนำจะเริ่มขึ้นวันที่ 7 ต.ค.นี้ โดยแหล่งข่าววงการค้าข้าวจังหวัดสุพรรณบุรีให้ข้อมูลว่า มีโรงสีบางแห่งตั้งราคารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร 2 ราคา คือราคาเงินสด ซึ่งเมื่อชาวนานำข้าวเปลือกมาขายจะได้รับเงินทันทีในราคาตันละ 8,000-9,000 บาท และราคาที่ 2 คือ โรงสีจะเสนอราคาสูงกว่าราคาตลาดที่ตันละ 11,000-12,000 บาท โดยชาวนาต้องนำข้าวมาเก็บไว้ในโรงสีก่อน เมื่อชาวนาเดินเรื่องเข้าโครงการฯ แล้ว โรงสีจะได้เงินส่วนต่างของราคาที่ตกลงไว้กับราคารับจำนำ
ซึ่งการดำเนินการโดยให้ชาวนานำข้าวมาเก็บในโรงสีก่อนนั้นขัดกับหลักเกณ์การดำเนินการโครงการรับจำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/2555 ของกระทรวงพาณิชย์ที่ห้ามรับฝากข้าวเปลือกจากเกษตรกรไว้ก่อนแล้วออกใบประทวนภายหลัง รวมถึงข้อห้ามอื่นๆ เช่น ห้ามนำข้าวที่เข้าโครงการไปฝากเก็บที่อื่นนอกบริเวณโรงสี, การแปรสภาพข้าวที่รับจำนำ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และองค์การคลังสินค้า (อคส.) ต้องสั่งให้แปรเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่า โรงสีที่มีข้าวก็จะขอใช้สิทธิ์ชาวนาให้เดินเรื่องเข้าโครงการรับจำนำ โดยจ่ายค่าตอบแทนตามใบรับรองการขึ้นทะเบียนเกษตรกรในราคาตันละ 500-1,000 บาท
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์พร้อมเปิดรับจำนำวันที่ 7 ต.ค.นี้ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันการทุจริต เช่น การออกหนังสือรับรองของชาวนาในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมให้ตรงกับข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ และการนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาเข้าร่วมโครงการ
ส่วนการรับมอบและการส่งข้าวสารเข้าโกดังกลางต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยต้องเป็นข้าวนาปีในฤดูการผลิตปี 2554/2555 ที่รับจำนำไว้เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้นำข้าวสารคุณภาพต่ำมาส่งมอบ รวมทั้งให้เข้มงวดกับการรับข้าวสารเข้าโกดังกลาง เพื่อป้องกันการนำข้าวคุณภาพต่ำกว่าข้าวที่รับจำนำมาส่งมอบ
นายกิตติรัตน์ยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตกรณีโรงสีที่มีข้าวเก่าในโกดังอาจนำข้าวมาสวมสิทธิ์ว่า หากพบการทุจริตให้ดำเนินคดีทันที ทั้งนี้มีโรงสีที่พร้อมเข้าร่วมโครงการแล้ว 600 แห่ง ซึ่งจะต้องเป็นโรงสีที่ไม่เคยถูกขึ้นบัญชีดำ