3 สตรีนักต่อสู้เพื่อสิทธิผู้หญิง คว้ารางวัลโนเบลสันติภาพ
รางวัลโนเบลสันติภาพปีนี้ เป็นของผู้หญิง 3 คนที่เป็นแนวหน้าในการในแนวทางสันติต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และ สิทธิสตรีในโลกอาหรับและแอฟริกา
<"">
<"">
คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลประกาศผลการพิจารณาผู้เหมาะสมได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีนี้ให้รางวัลเป็นของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิสตรีรวม 3 คน คือนางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ ประธานาธิบดีไลบีเรีย นางเลย์มาห์ กะโบเว นักต่อสู้เพื่อสันติภาพชาวไลบีเรีย และนางทาวากุล คาร์มาน ผู้นำการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเยเมน
ประธานคณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบล ระบุว่า ทั้ง 3 คนได้รับการยกย่องในฐานะที่ใช้วิถีทางสันติในการต่อสู้เพื่อความปลอดภัยของผู้หญิง และ ผลักดันให้ผู้หญิงไปมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างสันติภาพในทุกขั้นตอน ซึ่งคณะกรรมการคาดหวังว่าการมอบรางวัลให้ทั้ง 3 คนในครั้งนี้จะช่วยยุติการกดขี่ผู้หญิงที่ยังคงมีอยู่ในหลายประเทศ และ เข้าใจถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงที่จะแสดงออกผ่านกระบวนการประชาธิปไตยและสันติภาพ
นางทาวากุล คาร์มาน เป็นหญิงจากโลกอาหรับคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล เธอเป็นประธานองค์กรนักข่าวสตรีไร้พันธนาการในประเทศเยเมน และ เคยถูกคุมขังหลายครั้ง เนื่องจากจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเสรีภาพของสื่อมวลชน และ การแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์
นอกจากนี้เธอยังได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี ระหว่างการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในเยเมน โดยเธอบอกว่า ขออุทิศรางวัลนี้ให้แก่นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในโลกอาหรับทุกคน
ส่วนนางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ วัย 72 ปีเป็นตัวเก็งผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีนี้เธอได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีไลบีเรียเมื่อปี 2549 หลังประเทศผ่านพ้นสงครามการเมืองที่ดำเนินมายาวนานถึง 14 ปี เธอเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังมาก่อน และได้รับฉายาว่า "เป็นหญิงเหล็ก" ที่ประกาศจะต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น และ ใช้ความเป็นผู้หญิงในการเยียวยาบาดแผลจากสงครามกลางเมือง นางเซอร์ลี ๆเป็นที่ชื่นชมในกลุ่มคนชั้นนำ และ ผู้หญิงในไลบีเรีย แต่ถูกต่อต้านจากบรรดาผู้ชายหัวอนุรักษ์ในประเทศ
เช่นเดียวนางเลย์มาห์ กะโบเว นักต่อสู้เพื่อสันติภาพซึ่งเป็นชาวไลบีเรียอีกคนที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพปีนี้ เธอเป็นนักวิพากษ์และต่อต้านความรุนแรงระหว่างสงครามกลางเมืองไลบีเรีย และ เป็นผู้ผลักดันผู้หญิงต่างชนเผ่า ต่างศาสนา ในการทำกิจกรรมเพื่อสันติภาพ ซึ่งรวมถึงการใช้วิธีงดมีเพศสัมพันธ์ และ ยังกระตุ้นให้ผู้หญิงในประเทศออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งการเคลื่อนไหวของเธอช่วยส่งเสริมบทบาทสตรีในแอฟริกาตะวันตก ทั้งช่วงสงครามและหลังสงครามการเมือง
โดย ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ จะได้รับเงินรางวัลเกือบ 50 ล้านบาท ในกรณีนี้ทั้ง 3 คนต้องแบ่งเงินรางวัลกัน