ประชาชนในกรีซยังประท้วงนโยบายรัฐบาลต่อเนื่อง
เกิดความหวั่นเกรงกันว่า ถ้าไม่สามารถจัดการกับวิกฤตหนี้สินของกรีซได้ สถานการณ์รัฐบาลถังแตกอาจจะบานปลายไปยังสเปน และ อิตาลี ขณะที่ความพยายามผ่านกฏหมายออกมาตัดลดค่าใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้นอีกของกรีซ ได้ถูกต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดทั่วประเทศ และ มีการปะทะกันอย่างดุเดือด
ผู้ประท้วงที่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนขว้างปาก้อนหิน และ ระเบิดเพลิงเข้าใส่ตำรวจ ขณะที่ตำรวจได้ตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ระเบิดเสียง และ กระบอง โดยสมรภูมินี้อยู่รอบ ๆ อาคารรัฐสภากลางกรุงเอเธนส์ ซึ่งตำรวจเผยว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับบาดเจ็บไปกว่า 20 คน และ ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ประท้วงไว้ประมาณ 10 คน โดยการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างกฏหมายตัดลดค่าใช้จ่ายภาครัฐฉบับใหม่เรียกให้เกิดการประท้วงครั้งนี้
ซึ่งผู้นำสหภาพแรงงานภาครัฐอ้างว่า เฉพาะภายในกรุงเอเธนส์มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70,000 คน นอกจากนี้ยังมีการประท้วงในอีกหลายเมืองทั่วประเทศ ซึ่งถือได้ว่า เป็นการประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหญ่ที่สุดของกรีซ โดยเบื้องต้น รัฐสภาเห็นชอบในหลักการแล้ว แต่วันนี้จะต้องพิจารณารายละเอียดเรียงมาตราก่อนออกมาเป็นกฏหมายใช้บังคับ
กรีซประสบปัญหาหนี้สินภาคสาธารณะล้นพ้นตัวซึ่งทำให้รัฐบาลต้องร้องขอความช่วยเหลือจากธนาคารแห่งยุโรป และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ โดยที่ผ่านมาได้มีการออกมาตรการตามเงื่อนไขของผู้ให้กู้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งผู้ประท้วงจะเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดกับตำรวจ
และในขณะที่เหตุการณ์ภายในกรีซกำลังดำเนินอยู่นี้ ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศสได้เดินทางไปหารือกับนายกรัฐมนตรีแองเกล่า แมร์เคิ่ล ของเยอรมนีที่สำนักงานธนาคารแห่งยุโรป เพราะทุกฝ่ายกำลังเกรงกันว่า ถ้าไม่สามารถจัดการกับปัญหาหนี้สินของกรีซ ซึ่งตอนนี้มีประเด็นเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมาอีก สถานการณ์ทางเศรษฐกิจอันเลวร้ายภายในยุโรปแบบนี้ก็อาจเกิดขึ้นกับสเปน และ อิตาลี