วันนี้ (7 ส.ค.2558) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ชี้แจงถึงข้อห่วงใยเรื่องความโปร่งใส ในการบริหารงานของสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์กระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยหรือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รวมถึงกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ จึงมีข้อเสนอเรื่องระเบียบวินัยการเงินการคลังและการงบประมาณ ปฏิเสธเจตนาการกลั่นแกล้งหรือโกรธเคืองต่อบุคคล
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าเตรียมมอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณของทั้ง 3 องค์กร
"ผมไม่เคยคิดว่าจะไปตัดเงิน เพียงแต่ว่าทำให้มันเกิดความโปร่งใส ต้องทำยังไง ก็ไปหามาตรการ ไปคิดกันมา ไทยพีบีเอส สสส. กำลังให้หน่วยงานเข้าไปตรวจสอบซึ่งเป็นไปตามปกติ ทุกกองทุน ทุกหน่วยงานก็ต้องถูกตรวจสอบ ผมจะให้ คตร.เข้าไปดู รวมทั้ง สปสช.ไปตรวจไม่ใช่ไปแกล้ง ไปตรวจเพื่อให้ทำให้มันถูก ซึ่งปกติสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวิธีการจะใช้ยังไงให้ไปว่ากันมา ไม่ใช่ว่าผมเกลียดเป็นการส่วนตัวหรือต้องการให้มาเชียร์ผมอย่างเดียวไม่ใช่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรียืนยันว่า คสช. ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมระบุว่า โดยส่วนตัวก็ไม่ต้องการให้แต่ละขั้นตอนของร่างรัฐธรรมนูญต้องเปิดกรณีปัญหา และไม่อยากให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่รายละเอียดทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนต่อการออกเสียงประชามติ
ทั้งนี้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) แต่งตั้งขึ้นภายใต้คำสั่ง คสช.ที่ 45/2557 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2557 เพื่อติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้การบริหารราชการแผ่นดิน และการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นไปด้วยความรอบคอบมีความโปร่งใส อยู่ในระเบียบวินัยการเงินและการคลัง ควบคู่ไปกับการตรวจสอบตามปกติ และให้รายงานผลการดำเนินการและเสนอแนะความเห็นให้หัวหน้า คสช.เพื่อให้มีการดำเนินการในลักษณะที่เป็นคุณ หรือเป็นโทษต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบแบบแผนของราชการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
คณะกรรมการชุดนี้มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก เป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลังและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นรองประธาน มีกรรมการร่วม รวม 18 คน