สนช.พบชาวบ้านค้านโรงไฟฟ้าเชียงรากใหญ่ ชี้
วันนี้ (11 ส.ค.2558) นายวัลลภ เกิดผล ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า การจัดการขยะเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องดำเนินการ โดยที่ผ่านมามีการร้องเรียนเรื่องการคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะหลายพื้นที่ ทั้งปัญหาพื้นที่ไม่เหมาะสม และกระบวนการดำเนินการไม่ถูกต้อง ซึ่ง กมธ.สิ่งแวดล้อม สนช.ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและผลกระทบกับชุมชน จึงลงมารับฟังข้อกังวลของชาวบ้าน ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี และชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง โดยหลังจากรับฟังข้อกังวลจากชาวบ้าน กธม.สิ่งแวดล้อม จะหารือกับผู้ว่าราชการปทุมธานี และจะเชิญผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียไปให้ข้อมูลที่คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ทวีศักดิ์ อินกว่าง ตัวแทนชาวบ้านเชียงรากใหญ่ จ.ปทุมธานี ที่คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าขยะ ระบุว่า คนในพื้นที่มีความกังวลและไม่เห็นด้วยกับแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะในพื้นที่ 145 ไร่ที่ติดกับชุมชน ซึ่งผิดหลักเกณฑ์การกำหนดพื้นที่ตั้งโรงงานไฟฟ้าขยะ ที่ต้องห่างจากชุมชนมากกว่า 2 กม. แต่พื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างอยู่ติดหมู่บ้านอภิเชษฐ์ธานี นอกจากนี้ยังติดกับลำน้ำซึ่งใช้เป็นแหล่งผลิตน้ำดิบที่ใช้ผลิตน้ำประปา ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดลงมาการรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงไม่มีหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมลงไปชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงโครงการที่จะดำเนินการก่อสร้าง การลงพื้นที่ของ กมธ.สิ่งแวดล้อม สนช.ในวันนี้ ถือเป็นการลงมารับฟังความเห็นของประชาชนที่เป็นทางการที่สุดแล้ว
ตัวแทนชาวบ้านเชียงรากใหญ่ กล่าวด้วยว่า คนในพื้นที่ไม่ได้ต่อต้านแนวทางการจัดการขยะของภาครัฐ แต่เห็นว่าการกำหนดให้พื้นที่เชียวรากใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม ไม่มีความเหมาะสมที่จะดำเนินการ จึงอยากให้ภาครัฐกำหนดพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะให้เหมาะสมตามหลักเกณฑ์ที่กรมควบคุมมลพิษกำหนดและต้องมีมาตรการป้องกันผลกระทบที่เข้มงวดด้วย
ว่าที่ ร.ต.ทวีศักดิ์ อ้างว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่มีความพยายามผลักดันการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าขยะในพื้นที่เชียงรากใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การซื้อขายที่ดิน 145 ไร่ เพื่อเตรียมดำเนินการ และมีการทำประชาพิจารณ์โดยแจ้งชาวบ้านเชียงรากใหญ่ รู้ล่วงหน้าเพียง 2 วัน (วันที่ 16 พ.ย.2557) จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ลงบันทึกความร่วมมือกับ อบต. 54 แห่งในพื้นที่ เพื่อนำขยะมูลผอยมาทิ้งในพื้นที่ ต.เชียงรากใหญ่ ในวันที่ 25 ธ.ค.2557 โดยในระหว่างนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี รวมถึง อบต. ได้เดินทางไปดูงานโรงไฟฟ้าขยะที่ประเทศเยอรมนี โดยมีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด หลังจากนั้นได้เดินทางไปดูงานโรงไฟฟ้าขยะที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 3 ครั้ง อีกทั้งยืนยันว่าการไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นทั้ง 3 ครั้ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เดินทางไปด้วยทุกครั้ง จนเป็นที่มาของการถูกจับในข้อหาพกพาอาวุธปืนที่ประเทศญี่ปุ่น
ขณะที่บรรยาการการรับฟังความเห็นจาก กธม.สิ่งแวดล้อมในช่วงแรกเป็นการแสดงข้อกังวลของชาวบ้านในพื้นที่เชียงรากใหญ่ แต่หลังจากนายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ชี้แจ้งถึงการดำเนิการโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะที่ยังไม่มีการกำหนดพื้นที่ ทำให้บรรยากาศรับฟังความคิดเห็นมีความตรึงเครียด เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ไม่พอใจที่หน่วยงารภาครัฐยังคงไม่ชี้แจงตามข้อเท็จจริง