สมาคมประกันวินาศภัยแนะลูกค้าโครงการบ้านจัดสรรตรวจสอบเงื่อนไขการประกันที่อยู่อาศัย
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับความเสียหายด้านที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์น้ำท่วม ควรให้ความสำคัญกับการศึกษาเงื่อนไขความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ทำไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ได้เอาประกันภัยในช่วงที่ยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากทางธนาคารต่างๆ เนื่องจากในช่วงที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม หลายคนอาจมีความกังวลใจในเรื่องต่างๆ จนอาจลืมมองข้ามสิทธิด้านการประกันภัยที่อยู่อาศัยที่ได้ทำไว้
มื่อเกิดกรณีน้ำท่วม ควรตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยทุกชนิดที่มีอยู่ เช่น กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย และเก็บไว้ในที่ปลอดภัย อนึ่งหากกรมธรรม์นั้นหายไปหรือหาไม่พบและไม่ทราบว่าประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัยใด ก็สามารถติดต่อที่สมาคมประกันวินาศภัยที่ 0-2256-6032-6 ได้โดยสมาคมจะทำการประสานหาข้อมูลบริษัทประกันภัยให้
กรณีที่อยู่อาศัยเกิดความเสียหายควรแจ้งบริษัทประกันภัยทราบในทันทีเท่าที่สามารถจะกระทำได้ หรือหากไม่สามารถแจ้งบริษัทประกันภัยได้ทันทีที่เกิดเหตุ ให้ถ่ายรูปความเสียหายไว้ โดยกล้องถ่ายรูปหรือโทรศัพท์มือถือ เก็บไว้เป็นหลักฐานและแจ้งการเกิดเหตุไปยังบริษัทประกันภัยภายหลังโดยเร็วที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้ ทั้งนี้การขอเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ต้องขึ้นอยู่กับภัยที่กรมธรรม์ให้การคุ้มครองและเงื่อนไขรวมทั้งขอบเขตความคุ้มครองของบริษัทประกันภัยแต่ละบริษัทด้วย” นายจีรพันธ์ กล่าว
สำหรับที่อยู่อาศัย กรณีที่ทำประกันอัคคีภัยและมีเอกสารแนบท้ายคุ้มครองภัยน้ำท่วม แสดงว่ามีความคุ้มครองความเสียหายของตัวบ้านที่ทำประกันภัยไว้ ซึ่งต้องดูว่าเงื่อนไขรายการทรัพย์สินที่เอาประกันภัยระบุครอบคลุมถึงอะไรบ้าง อาทิ สิ่งปลูกสร้างตัวอาคาร รวมเฟอร์นิเจอร์หรือไม่ (แต่ไม่คุ้มครองทรัพย์สินมีค่าหรือพวกเงินทองฯลฯ) โดยเงื่อนไขความคุ้มครองอาจจะแยกมูลค่าทุนประกันภัยของสิ่งปลูกสร้างตัวอาคาร กับเฟอร์นิเจอร์ออกจากกัน
ส่วนการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วม เมื่อได้สำรวจรายการทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายเรียบร้อยแล้ว เจ้าของบ้านสามารถหา บริษัทผู้รับเหมาเพื่อทำการประเมินราคาค่าซ่อมแซมและนำเสนอบริษัทประกันภัยให้พิจารณาเห็นชอบต่อไป ซึ่งผู้เอาประกันและบริษัทประกันภัยอาจมีการเจรจากันอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะมีการตกลงค่าสินไหมทดแทนที่เป็นจริง