ศาลฎีกาฯยืนยันมีอำนาจไต่สวนคดีจำนำข้าว นัดไต่สวนคู่ความ 29 ต.ค.นี้
วันนี้ (31 ส.ค.2558) ก่อนการตรวจพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่าย ในคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีตกเป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบและปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งยกคำร้องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขอให้ศาลรอการพิจารณาคดีไว้ชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง
โดยศาลฎีกาฯพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลฎีกาฯมีอำนาจที่จะพิจารณาคดีนี้ เพราะตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 11 (1) ถึง (9) ไม่มีมาตราใดกำหนดให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาจึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาฯจะต้องทำความเห็นเสนอไปยังศาลปกครอง ตามที่จำเลยร้องขอ
ส่วนที่จำเลยยื่นคำร้องขอคัดค้านบัญชีพยานโจทก์โดยอ้างว่า โจทก์เพิ่มเติมพยานโดยไม่สุจริตและไม่เป็นธรรมนั้น องค์คณะผู้พิพากษาเห็นว่า แม้ตามกฏหมายการไต่สวนจะให้ยึดสำนวนจาก ป.ป.ช.เป็นหลักแต่ศาลฎีกาฯมีอำนาจเรียกพยานไต่สวนได้ และฝ่ายจำเลยก็สามารถนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ จึงให้ยกคำร้อง
คดีนี้ฝ่ายโจทก์ได้ส่งพยานเอกสารจำนวน 161 แฟ้ม ขณะที่จำเลยส่งพยานเอกสาร 61 แฟ้ม และทั้ง 2 ฝ่ายได้อ้างพยานบุคคลจำนวนหลายปากและพยานเอกสารจำนวนมาก ศาลฎีกาฯ จึงให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐานทุกวันพุธ เวลา 09.00 น.จนกว่าจะแล้วเสร็จ และให้นัดพร้อมคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายวันที่ 29 ตุลาคมนี้เวลา 09.30 น.เพื่อกำหนดวันไต่สวนพยานอีกครั้ง