ศาลปกครองยกคำร้องชาวนนท์ ร้องหยุดกู้ถนนสาย 340
ขณะที่ข้อพิพาทเกี่ยวกับการเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยัน เปิดเพียง 1.40 เมตร เพราะต้องรอดูผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นที่ท้ายประตู พร้อมสั่งระดมเครื่องสูบน้ำกว่า 60 เครื่อง เร่งระบายน้ำ พร้อมยืนยันว่า กทม.จะไม่เจรจากับพ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ แกนนำชาวบ้าน ที่นำชาวบ้านมาเปิดปิดประตูระบายน้ำด้วยตัวเอง และได้ส่งเจ้าหน้าที่ของ กทม.เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจแล้ว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึง กรณีที่ชาวอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และ ชุมชนใกล้เคียง ชุมนุมให้เปิดบานประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ที่ระดับ 1.50 เมตร โดยระบุว่า ได้สั่งเปิดบานประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์เพิ่มขึ้นอีก 10 เซนติเมตร จาก 1.30 เมตรเป็น 1.40 เมตร หลังประเมินสถานการณ์น้ำ พบว่า ระดับน้ำนอกบานประตูลดลง 7 เซนติเมตร ขณะที่ระดับน้ำด้านในเท่าเดิม และอาจจะมีการประเมินให้เปิดบานประตูเพิ่มขึ้นที่ 1.50 เมตรในวันนี้ (2 ธ.ค.)
ขณะที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งในคดีที่ นางทศสิริ พูลนวล ชาวอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ยื่นคำร้องของให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยกรณีแรกที่ได้ยื่นฟ้องศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.โดยขอให้มีคำสั่งคุ้มครองระงับการกู้ถนนสาย 340 ซึ่งเป็นการปิดกั้นทางระบายน้ำด้านทิศเหนือ และทิศใต้ของจังหวัดนนทบุรี
กรณีนี้ศาลเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นภารกิจของ ศปภ. ที่ประชาชนส่วนรวมได้ประโยชน์ หากมีคำสั่งคุ้มครองจะก่อให้เกิดปัญหาต่อการบริหารงานของ ศปภ. จึงไม่สมควรมีคำสั่งบรรเทาทุกข์
ส่วนประเด็นที่ยื่นคำร้องให้กรุงเทพมหานครเปิดประตูระบายน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อระบายน้ำมายังพื้นที่รับน้ำด้านล่าง ศาลเห็นว่า จากการไต่สวนพบว่า กทม.ได้เปิดประตูระบายน้ำถึง 4 บานแล้ว และ เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ และข้อมูลการระบายน้ำอาจเปลี่ยนแปลง จึงให้ ศปภ.และกทม. ร่วมกันพิจารณาหลักเกณฑ์ในการเปิดปิดประตูระบายน้ำในสัดส่วนที่เหมาะสม และสามารถบริหารจัดการน้ำในพื้นที่รับผิดชอบได้ รวมทั้งให้พิจารณาถึงความเดือดร้อนของประชาชนในจังหวัดนนทบุรีประกอบด้วย