นายกฯ เผยได้รับรายงานพฤติกรรมรับสินบน ตร.ตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ย้ำ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าได้รับบันทึกด่วนที่สุดลงวันที่ 9 ก.ย.2558 ของพล.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีเนื้อหารายงานพฤติกรรมของตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอย่างน้อย 6 ข้อ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศแล้ว โดยพล.อ.ประวิตรจะสืบสวนสอบสวน หากจำเป็นต้องปรับย้ายเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการ
นายกฯ ย้ำว่าต้นตอของปัญหาไม่ได้มีเพียงเจ้าหน้าที่ แต่เป็นเรื่องของผู้ที่ได้รับประโยชน์ ทั้งฝ่ายที่ให้สินบน และผู้รับ ซึ่งจำเป็นต้องปรับวิธีการทำงาน และอาศัยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา
"การทุจริตหรือการทำผิดไม่ใช่เรื่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเดียว ต้องไปดูว่าใครกระทำความผิด ใครลักลอบเข้ามา ผู้ที่เกี่ยวข้องในการทุจริตมีทั้งเจ้าหน้าที่ คนได้ประโยชน์ ภาคธุรกิจเอกชนที่ให้สินบน เยอะแยะไปหมด เจ้าหน้าที่ก็มีความผิดแต่ไม่ใช่โทษเจ้าหน้าที่ฝ่ายเดียว เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกตราบใดที่การบังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มงวดหรือบังคับใช้ไม่เต็มที่ และไม่มีเครื่องมือหรือเทคโนโลยีขั้นสูงมาช่วยในการตรวจตรา" นายกฯ ระบุ
ด้านนายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่า การทำงานบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองในขณะนี้พัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะการเชื่อมโยงข้อมูลได้ทั่วประเทศ แต่ยอมรับว่ายังมีข้อจำกัดเรื่องสถานที่และความแออัด ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งพัฒนาในส่วนนี้ ส่วนตัวเตรียมลงพื้นที่สำรวจด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อรายงานต่อพล.อ.ประวิตร และวางแนวทางเพิ่มความเข้มงวด การตรวจสอบคนเข้า-ออก โดยเฉพาะพื้นที่ตามด่านชายแดน
ปัญหาเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ของตำรวจในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นประเด็นขึ้นมาภายหลังจากที่มีรายงานว่าผู้ต้องหาคดีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบิดราชประสงค์ให้การตำรวจว่าเขาผ่านเข้าออกประเทศโดยการจ่ายสินบนเจ้าหน้าที่ ซึ่งต่อมา พล.อ.สมยศได้ให้สัมภาษณ์ว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ด้วยวิธีการใดบ้าง พร้อมกับประกาศต้องการจะล้างบางหน่วยงานแห่งนี้
พล.ต.อ.สมยศระบุว่าจะส่งเรื่องให้จเรตำรวจตรวจสอบและจะมีการลงนามคำสั่งโยกย้าย บุคลากรในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในเร็วๆ นี้
หนึ่งในปัญหาสำคัญของการเรียกรับผลประโยชน์ คือ มีเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเรียกเก็บเงินในการทำ VISA on Arrival หรือการขอวีซ่า ณ ด่านตรวจ นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมราชการ โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่านายตำรวจระดับพันตำรวจเอกเป็นคนสั่งการ และให้คนที่อยู่ประจำท่าอากาศยานนานาชาติเป็นคนเรียกเก็บเงิน สำหรับการขอวีซ่า ณ ด่านตรวจ มีการเรียกเก็บเงินคนละประมาณ 300 บาท ซึ่งในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวที่ต้องจ่ายเงินในส่วนนี้ราว 6,000 คนต่อวัน เป็นเงิน 1.8 ล้านบาท ซึ่งการเรียกเก็บนี้มีการทำมานานไม่ต่ำกว่า 1 ปี ซึ่งหมายความว่ามีเม็ดเงินจากการเรียกเก็บ ในลักษณะนี้รวมแล้วประมาณ 657 ล้านบาท
นี่เป็นเพียงช่องทางหนึ่งของเจ้าหน้าที่ในการเรียกรับผลประโยชน์และยังไม่รวมกับเงินที่เก็บค่าผ่านเข้าออกประเทศไทย กรณีเป็นบุคคลต่างชาติ ที่ไม่มีหนังสือเดินทางหรือต้องการผ่านเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบ อย่างกรณี นายอาเดม คาราดัก และนายเมียไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาในคดีระเบิดราชประสงค์ที่ถูกจับกุม ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 18,000 บาทต่อคนต่อครั้ง