ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กลาโหมอ้าง "กัมพูชา" ขอโทษทำเกิดกว่าเหตุยิง ฮ.ไทย

ภูมิภาค
19 ธ.ค. 54
02:47
42
Logo Thai PBS
กลาโหมอ้าง "กัมพูชา" ขอโทษทำเกิดกว่าเหตุยิง ฮ.ไทย

ผลการประชุมเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและกัมพูชา กรณีที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงเฮลิคอปเตอร์ แบบเบลล์ 212 ของกองทัพเรือจนได้รับความเสียหายบริเวณกองกำลังจันทบุรี-ตราด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่กัมพูชา ยอมรับว่าทำเกินกว่าเหตุ และ จะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาฝ่ายกัมพูชารับทราบต่อไป ขณะที่กระทรวงกลาโหมของไทย ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่กระทบต่อการประชุมจีบีซี ระหว่างไทยและกัมพูชาที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ธันวาคมนี้

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กรณีที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงเฮลิคอปเตอร์ แบบเบลล์ 212 ของกองทัพเรือจนได้รับความเสียหาย บริเวณเนิน 326 ฐานย่อยบ้านเขาวงค์ ตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ กองกำลังจันทบุรี-ตราด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา จะไม่มีผลกระทบต่อการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี ที่ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้

เนื่องจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้แนวทางการดำเนินการหากมีการกระทบกระทั่งกันระหว่างตามแนวชายแดน โดยให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่รีบหารือในกรอบขั้นต้นกันก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจนกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว อะไรที่ไม่เข้าใจหรือมีปัญหาให้มาพูดคุยกันและหารือร่วมกัน

ส่วนการหารือระดับเจ้าหน้าที่ของไทยและกัมพูชากรณีการยิงเฮลิคอปเตอร์ของไทย ที่ได้มีการหารือกันที่ห้องประชุมอาคารเชิงผา ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทยเขาล้าน ผู้บัญชากรกองกำลังจันทบุรี-ตราด พร้อมคณะนายทหาร ให้การต้อนรับ พล.ต.ยลมิน ผู้บัญชาการทหารจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งระหว่างการหารือไม่มีการอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพ

แต่ภายหลังการหารือ พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนายวิกโยธินในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังจันทบุรี-ตราด เปิดถึงผลการประชุมเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและกัมพูชา โดยระบุว่า การประชุมในครั้งนี้ไม่ถือว่าได้ข้อยุติอะไร โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้ส่งผู้บัญชาการทหารประจำจังหวัดเกาะกง ซึ่งดูแล และ ควบคุมทหารที่อยู่ติดเขตแดนของไทยเขามาหารือ

โดยมีการพูดคุย 3 เรื่อง คือ 1.ความผิดพลาดที่เกิดจากแผนที่ที่ใช้ไม่ตรงกัน ทำให้มีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ประมาณ 500 เมตร 2.การติดต่อของฝ่ายกัมพูชา โดยหน่วยเหนือกับหน่วยรองจนไปถึงผู้ปฎิบัติ ไม่มีเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร เช่น เมื่อฝ่ายไทยติดต่อไปว่าจะนำเฮลิคอปเตอร์บินปฎิบัติภารกิจ ทางกัมพูชาสื่อสารไปถึงผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ทันเวลา และ 3.ฝ่ายกัมพูชา ตั้งแต่ที่มีการปะทะกันบริเวณปราสาทพระวิหาร ได้สั่งกำชับว่า หากมีการรุกล้ำทางอากาศยานให้ใช้อาวุธได้ทันที ทางกัมพูชายึดถือคำสั่งนั้น และจึงเกิดความเข้าใจผิดกัน ซึ่งผู้บัญชาการทหารประจำจังหวัดเกาะกง ยอมรับ และ ขอโทษที่ทางกำลังทหารฝ่ายกัมพูชาประมาทจนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ระบุกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาว่าทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นเพื่อนบ้านกัน หากเราล้ำแดนของเขาจริงขอให้ใช้วิธีการประท้วงไม่ควรถึงขั้นยิง ซึ่งทางกัมพูชา ระบุว่า ขอโทษที่ทำเกินกว่าเหตุ และ จะนำเรื่องทั้งหมดไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกัมพูชาให้รับทราบ เพื่อจะได้พูดคุยกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของไทย แล้วค่อยมาหารือกันอีกครั้ง

สำหรับการนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินปฎิบัติภารกิจหรือการส่งเสบียงในครั้งต่อไปทางเจ้าหน้าที่ของไทยมีการพูดคุยกัน โดยระยะแรกจะใช้วิธีส่งทางเท้าไปก่อน ส่วนการนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปในพื้นที่ทับซ้อนต้องให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่าย พูดคุยกันและตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและแบ่งพื้นที่กันให้เหมาะสม

หลังเกิดเหตุดังกล่าวมีรายงานว่า กลุ่มกำลังแผ่นดินและเครือข่ายประชาชนชาวกันทรลักษ์พิทักษ์เขาพระวิหารบ้านภูมิซรอล ภายใน ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ดำเนินการทำประชาพิจารณ์ เกี่ยวกับการวางกำลังทหารบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งผลการทำประชาพิจารณ์ตั้งแต่เย็นวันที่ 16 - 18 ธันวาคม มีผู้มาลงประชาพิจารณ์ รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 คน ซึ่งสรุปผลจากการประชาพิจารณ์แล้ว พบว่าร้อยละ 99 คัดค้านการถอนกำลังทหารไทยออกจากบริเวณเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านทุกคนต้องการให้คงกำลังทหารไว้ที่บริเวณเขาพระวิหาร เพราะยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง