ก.คลังชงมาตรการภาษีช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมเข้า ครม.วันนี้

กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการภาษีเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันนี้ โดยจะเป็นการแก้ไขหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อบ้านให้เป็นสินเชื่อเพื่อการซ่อมแซมบ้าน และการขอคืนภาษีจากการซ่อมแซมรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม

มีรายงานว่า วันนี้ (4 ม.ค.) กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณามาตรการภาษี ซึ่งจะเป็นการเสนอแก้ไขหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อในโครงการบ้านหลังแรกวงเงิน 20,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% คงที่ 3 ปี ให้สามารถนำมาใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมบ้านได้ เพื่อกระตุ้นการขอกู้ เนื่องจากผลกระทบน้ำท่วมรุนแรง ทำให้คาดว่า ยอดสินเชื่อจะปล่อยได้เพียง 1,000 ล้านบาทเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับบ้านที่เสียหายจากน้ำท่วมให้หักได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท โดยผู้ใช้สิทธิต้องเป็นเจ้าบ้านเท่านั้น ผู้เช่าไม่สามารถใช้สิทธิได้

ส่วนของรถยนต์จะให้สิทธิได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท และไม่ครอบคลุมรถยนต์ที่มีประกัน เพราะถือว่าได้รับการคุ้มครองจากบริษัทประกันแล้ว โดยสามารถนำมาหักลดหย่อนในการยื่นเสียภาษีเงินได้บุคลธรรมดาตั้งแต่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค.55 การใช้สิทธิดังกล่าวนั้นต้องมีหลักฐานมาแสดง จึงขอให้ประชาชนที่อยู่ระหว่างซ่อมแซมบ้านและรถยนต์ ต้องขอใบเสร็จหรือหลักฐานแสดงการชำระเงินเพื่อนำมาประกอบการใช้สิทธิ

โดยหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแล้ว กรมสรรพากรจะประกาศรายละเอียดให้ทราบถึงหลักเกณฑ์รายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเพิ่มเติมช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยให้สามารถนำค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อทดแทนเครื่องจักรที่เสียหายมาหักค่าเสื่อมราคาได้ถึง 125% จากเดิมที่หักได้ 100% และให้ใช้สิทธิปีแรกได้ถึง 40% ส่วนที่เหลือทยอยหักใน 5 ปี

ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อเยียวยาวิกฤตอุทกภัย เช่น มาตรการทางการเงิน ประกอบด้วยการจัดสรรวงเงินกู้ วงเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ในการปรับปรุงกิจการ และเสริมสภาพคล่องเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 2 ต่อปี ในวงเงินกู้รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท, จัดสรรวงเงินกู้สำหรับลูกจ้างในสถานประกอบการธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัย, ยกเว้นการจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้างเป็นระยะเวลา 6 เดือน และขอให้ประกันสังคมจ่ายเงินทดแทนการว่างงานของพนักงาน จากเดิมร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 50 เป็นเวลา 6 เดือน โดยชดเชยตามฐานเงินสมทบสูงสุด แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียม ซึ่งประกอบด้วยยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย ระยะเวลา 1 ปี, ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงและที่จอดเครื่องบิน, ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรม, ลดหย่อนค่าประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม, ให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงค่าที่พักในโรงแรมที่มีใบอนุญาตถูกต้องตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 และค่าซื้อรายการนำเที่ยว แพ็กเกจทัวร์มาหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

ส่วนมาตรการสร้างความเชื่อมั่น ประกอบด้วยประกันภัยคุ้มครองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย กรณีประสบสาธารณภัยและอุบัติภัย เป็นระยะเวลา 10 เดือน, เร่งดำเนินการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ

และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ประกอบด้วยให้ส่วนราชการปรับงบปี 2555 มาใช้ในการจัดการประชุม สัมมนา ฝึกอบรม และดูงานพื้นที่ประสบอุทกภัย ดำเนินการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศ, ดำเนินการโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศกลุ่มเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ จัดการฝึกอบรมฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์